คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สมเหตุผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างอันสมเหตุผล: การปรับโครงสร้างองค์กรและการคัดเลือกบุคลากร
บริษัทจำเลยกับบริษัท บ. จำกัด ปรับปรุงองค์กรโดยได้รวมคลังสินค้าและพนักงานเข้าด้วยกันเพื่อความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันและลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลงด้วยที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะจำเลยมีการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานในองค์กร เพื่อความเหมาะสมและความอยู่รอดของจำเลยโดยรวมคลังสินค้าและพนักงานกับบริษัท บ. จำกัด จนเหลือคลังสินค้าแห่งเดียวและมีตำแหน่งผู้จัดการคลังสินค้าเพียงตำแหน่งเดียว เมื่อจำเลยเห็นว่า ร. มีความรู้เกี่ยวกับการบริหารคลังสินค้าและคอมพิวเตอร์เหมาะสมกว่าโจทก์ จึงคัดเลือก ร. ไว้ทำงานต่อไปแล้วเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ปรากฏว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งโจทก์ จึงนับว่ามีเหตุจำเป็นอันสมควรในการเลิกจ้าง กรณีจึงมิใช่การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่สมเหตุผล และการงดสืบพยานในคดีล้มละลาย ศาลมีอำนาจพิจารณาได้
กรณีที่คู่ความจะมีคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา207 ซึ่งนำมาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่กระบวนพิจารณาคดีล้มละลายตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 จะต้องเป็นคู่ความซึ่งศาลแสดงว่าขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท
ฎีกาจำเลยที่ขอให้ไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณา พอถือได้ว่าจำเลยมุ่งหมายจะให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีแล้ว ให้จำเลยทั้งสองนำพยานเข้าสืบตามที่จำเลยได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้ จึงต้องพิจารณาว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยชอบด้วยกระบวนพิจารณาหรือไม่
ป.วิ.พ.มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ซึ่งนำมาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่กระบวนพิจารณาคดีล้มละลาย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153ซึ่งใช้บังคับในขณะที่จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีมีเจตนารมณ์จะให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่ชักช้า การเลื่อนคดีก็อนุญาตให้เลื่อนได้เพียงครั้งเดียว คู่ความที่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนคดีไปแล้วจะขอเลื่อนคดีอีกได้ก็ต่อเมื่อเข้าข้อยกเว้นตามที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติดังกล่าว
จำเลยเคยได้รับอนุญาตให้เลื่อนคดีมาแล้ว 2 ครั้ง โดยปกติจำเลยไม่มีสิทธิขอเลื่อนคดีได้อีก ที่จำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีในนัดที่ 3 โดยอ้างว่าจำเลยป่วยมีอาการท้องร่วงเช่นเดียวกับครั้งที่ 2 แม้จะมีใบรับรองแพทย์และท้ายคำร้องจะระบุว่า "เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต"คำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยทั้งสองเช่นนี้ มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลได้ว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีก จะทำให้เสียความยุติธรรม จึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าวข้างต้น นอกจากนี้ในการเลื่อนคดีครั้งที่ 1 และที่ 2 ศาลชั้นต้นได้กำชับทนายความจำเลยว่า หากจำเลยขอเลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยเหตุใด จะถือว่าจำเลยประวิงคดีและจะงดสืบพยานจำเลย แต่จำเลยก็หาได้นำพาไม่ และจำเลยก็ไม่ได้นำพยานอื่นมาศาล ทั้งที่ตามบัญชีพยานจำเลยระบุพยานนำไว้หลายปากพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองส่อถึงความไม่เอาใจใส่หรือไม่ให้ความสำคัญแก่คดีของจำเลยเท่าที่ควรถือได้ว่าจำเลยทั้งสองประวิงคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2453/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจยังสมบูรณ์แม้กรรมการลาออก การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากผลประกอบการและเกณฑ์สมเหตุผล
การที่อ.กับจ.กรรมการบริษัทจำเลยลงชื่อมอบอำนาจให้ถ.ดำเนินคดีแทนบริษัทจำเลยเป็นการกระทำในฐานะผู้แทนบริษัทจำเลยจึงเป็นการกระทำของบริษัทจำเลยแม้ต่อมาอ.จะพ้นจากการเป็นกรรมการของบริษัทจำเลยไปหนังสือมอบอำนาจฉบับนั้นก็หาระงับไปไม่ถ.จึงยังมีอำนาจที่จะมอบอำนาจให้ส.ต่อสู้คดีแทนจำเลยโดยทำคำให้การยื่นต่อศาลได้. จำเลยประสบภาวะการขาดทุนมากมีความจำเป็นเพียงพอต้องเลิกจ้างลูกจ้างและจำเลยได้ใช้หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกว่าจะเลิกจ้างผู้ใดก่อนอย่างสมเหตุผลการที่โจทก์เป็นผู้ต้องถูกเลิกจ้างเพราะลากิจลาป่วยและมาทำงานสายมากจะถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อลูกจ้างบางคนมิได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการรังวัดที่ดินโดยไม่สมเหตุผล ถือเป็นการละเมิดสิทธิของเจ้าของที่ดิน
โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแบ่งแยกโฉนด 4 ครั้งจำเลยซึ่งมีที่ดินติดต่อกับโจทก์ได้คัดค้านการรังวัดสามครั้งแรก โดยในครั้งแรกอ้างว่าโจทก์นำชี้เขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย และจำเลยจะรังวัดสอบเขตที่ดินของตนให้แน่นอนก่อนแล้วจะถอนคำคัดค้าน แต่ปรากฏว่าจำเลยมิได้ดำเนินการอย่างไร ทั้งเจ้าพนักงานที่ดินยืนยันว่าเขตโฉนดที่ดินตามที่เจ้าพนักงานรังวัดตรงตามหลักฐานแผนที่ แสดงให้เห็นว่าคำคัดค้านของจำเลยไม่มีผลอันสมควร การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น เป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 421

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่สมเหตุผล: ผลงานไม่เป็นที่พอใจและปฏิเสธการโยกย้าย
โจทก์เป็นหัวหน้าประกอบแบตเตอรี่ของจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลงานในแผนกเกี่ยวกับการผลิตให้มีคุณภาพ ดูแลการทำงานของเครื่องจักรในแผนก ควบคุมบังคับบัญชาคนงานจำนวนมาก ตระเตรียมวางแผนงานและประสานงานกับแผนกอื่นเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและตามนโยบายของฝ่ายผลิต เมื่อปรากฏว่าผลงานของโจทก์ไม่เป็นที่พอใจ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยทั้งไม่มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้ง จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์เสียได้ กรณีไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมอย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่สมเหตุผลจากผลงานไม่เป็นที่พอใจ และการเสนอตำแหน่งใหม่ที่ไม่ได้รับการตอบรับ
โจทก์เป็นหัวหน้าประกอบแบตเตอรี่ของจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลงานในแผนกเกี่ยวกับการผลิตให้มีคุณภาพดูแลการทำงานของเครื่องจักรในแผนก ควบคุมบังคับบัญชาคนงานจำนวนมาก ตระเตรียมวางแผนงานและประสานงานกับแผนกอื่นเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและตามนโยบายของฝ่ายผลิตเมื่อปรากฏว่าผลงานของโจทก์ไม่เป็นที่พอใจ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยทั้งไม่มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้ง จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์เสียได้ กรณีไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมอย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขวันทำสัญญาประกันภัย: ศาลอนุญาตเพิ่มพยานได้หากสมเหตุผลและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
เดิมคู่ฉบับกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์อ้างส่งศาลไว้ได้ระบุวันทำสัญญาประกันภัยเป็นวันที่ 30 เมษายน 2522 และระบุวันทำกรมธรรม์ประกันภัยเป็นวันที่ 16 เมษายน 2522 แต่ระบุระยะเวลามีผลบังคับเริ่มต้นวันที่ 30 ธันวาคม 2520 สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2521 เห็นได้ว่ามีการพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับวันทำสัญญาประกันภัยและวันทำกรมธรรม์ประกันภัยในคู่ฉบับผิดพลาดไปโดยมีผลย้อนหลัง การที่โจทก์ขออ้างต้นฉบับ ซึ่งระบุวันทำสัญญาประกันภัยและวันทำกรมธรรม์ประกันภัยเป็นวันที่ 30 ธันวาคม 2520เป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนได้สืบพยานเสร็จแล้วนั้นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงวันทำสัญญาประกันภัย และวันทำกรมธรรม์ประกันภัยที่ถูกต้องเท่านั้น ส่วนระยะเวลามีผลบังคับและวันสิ้นสุดรวมทั้งชื่อผู้เอาประกันภัยคงระบุไว้ตรงกัน ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย เมื่อศาลเห็นว่ามีเหตุอันสมควร เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ก็ย่อมมีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลาพักร้อนที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ และการเลิกจ้างลูกจ้างที่สมเหตุผล
โจทก์ยื่นใบลาหยุดพักผ่อนประจำปีสืบเนื่องมาจากโจทก์ถูกกล่าวหาว่ารายงานเท็จ โดยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการลาหยุดพักผ่อนประจำปีซึ่งกำหนดว่า ลูกจ้างจะต้องยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ โจทก์ลาหยุดพักผ่อนแล้วไม่มาทำงานตั้งแต่วันที่ 2 ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2524 แต่ผู้บังคับบัญชาไม่อนุมัติถือได้ว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 47(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3538/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา แม้ไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลวินิจฉัยว่าเป็นการเลิกจ้างที่สมเหตุผล
แม้โจทก์จะถูกกล่าวหาว่าร่วมกับผู้อื่นค้ายาเสพติดให้โทษเฮโรอีน แต่เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องโจทก์ความผิดที่โจทก์ถูกกล่าวหามิได้มีการฟ้องให้ศาลพิจารณาพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้กระทำผิดแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้กระทำผิดดังข้อกล่าวหาและไม่มีเหตุที่จะถือว่าโจทก์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลยอันเป็นเหตุให้จำเลยเลิกจ้างได้ โดยไม่จ่ายค่าชดเชย
การเลิกจ้างที่จะถือว่าไม่เป็นธรรมนั้นย่อมต้องพิเคราะห์ถึงเหตุแห่งการเลิกจ้างว่านายจ้างมีเหตุอันสมควรหรือเพียงพอที่จะเลิกจ้างลูกจ้างหรือไม่ เป็นคนละเหตุกับการเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ซึ่งต้องพิเคราะห์ถึงว่าลูกจ้างกระทำผิดต่อระเบียบข้อบังคับหรือกฎหมายหรือไม่เมื่อระเบียบของจำเลยให้คำนิยามคำว่า 'เลิกจ้าง' ไว้ว่าหมายความว่า 'มาตรการลงโทษที่ใช้กับพนักงานซึ่งบริษัทไม่ไว้วางใจและไม่ประสงค์ที่จะให้อยู่ทำการกับบริษัทต่อไปหรือยุบหน่วยงานหรือตำแหน่งงาน' พฤติการณ์ของโจทก์มีเหตุอันสมควรและเพียงพอที่จำเลยจะไม่ไว้วางใจและให้โจทก์ทำงานกับจำเลยต่อไป ถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการออกข้อกำหนดต้องสมเหตุผล เพื่อรักษาความเรียบร้อยและกระบวนการพิจารณาเท่านั้น
การที่ศาลจะออกข้อกำหนดใดๆ โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 จะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาล และเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปตามเที่ยงธรรมและรวดเร็วเท่านั้น
ท.เรียกเอาเงินจากจำเลยและคู่ความคดีอื่นโดยอ้างว่าเป็นค่าเขียนคำร้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้ ท.เข้ามาในบริเวณศาลในวันเปิดทำการ ซึ่งรวมทั้งวันอื่นๆ ต่อมาไม่ว่ากรณีใดๆ จึงเป็นการเกินเลยบทบัญญัติมาตราดังกล่าวและไม่ชอบ ดังนั้น ต่อมา ท. มีเหตุจำเป็นเข้ามาในบริเวณศาลในขณะที่ศาลเปิดทำการ อ้างว่าเป็นเพื่อน ส. เพื่อฟังศาลตัดสินเรื่องบุตรชาย ส.ถูกฟ้องกับ ข.ทนายความให้นำเงินมาให้ที่ศาล ท.มิได้เข้ามาในบริเวณศาลเพื่อสร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชน การกระทำของ ท.หาเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไม่
of 2