คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาการก่อสร้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก, สัญญาการก่อสร้าง, การผิดสัญญาเช่า, การคืนเงินค่าก่อสร้าง
สัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองที่จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างอาคารพลาซ่า ตลาดและตึกแถวในที่ดินของจำเลยที่ 1 เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ตกลงจดทะเบียนการเช่าให้แก่ผู้ว่าจ้างหรือผู้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 มีสิทธิเรียกเก็บเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้เช่า สัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองถือเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก และยังถือว่าเป็นการร่วมกันทางการค้าเพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่อโจทก์เข้าทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 2 สร้างตึกแถวถือว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ 1 ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 วรรคสอง
โจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะก่อสร้างอาคารพลาซ่าให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี และปรับปรุงตกแต่งตึกแถวให้เรียบร้อยภายใน 3 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยที่ 1 ไม่สร้างอาคารพลาซ่า ไม่ตกแต่งตึกแถวให้เรียบร้อยจำเลยที่ 1 จึงผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วเป็นผลให้คู่กรณีต้องกลับสู่ฐานะเดิม จำเลยที่ 1 ต้องคืนเงินค่าช่วยก่อสร้างทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่เวลาที่ได้รับเงินไว้แก่โจทก์และต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาการก่อสร้าง: การต่อเชื่อมสายไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา, ค่าปรับ, และดอกเบี้ย
สัญญาจ้างมีข้อความระบุว่าบันทึกการนำชี้สถานที่ก่อสร้างเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา แม้โจทก์มิได้ลงชื่อในบันทึกก็ต้องผูกพันตามนั้น การที่โจทก์ต่อเชื่อมสายไฟฟ้าจากสายประธานเข้าสู่อาคารตามกำหนดในบันทึกต่อท้ายสัญญาจ้างย่อมเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสัญญาจ้าง จำเลยหาจำต้องชำระค่าใช้จ่ายในการต่อเชื่อมสายไฟฟ้าแก่โจทก์อีกต่างหากไม่ เมื่อฟังได้ว่างานต่อเชื่อมสายไฟฟ้าเป็นงานส่วนหนึ่งของสัญญาจ้าง แต่โจทก์ส่งมอบงานส่วนนี้ล่าช้าจำเลยจึงมีสิทธิคิดหักเบี้ยปรับจากค่าจ้างที่ต้องชำระแก่โจทก์ได้นับแต่วันครบกำหนดสัญญาการที่จำเลยมีหนังสือเตือนให้โจทก์ปฏิบัติตามบันทึกต่อท้ายสัญญาหาใช่เป็นการขยายอายุสัญญาจ้างออกไปอีกไม่ เบี้ยปรับถือเป็นค่าเสียหายกำหนดไว้ล่วงหน้าให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาชดใช้แก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญา แต่ก็มิได้บังคับโดยเด็ดขาดว่าจะต้องเป็นไปตามข้อตกลงศาลอาจใช้ดุลพินิจลดจำนวนเบี้ยปรับลงได้ เมื่อจำเลยต้องคืนเบี้ยปรับแก่โจทก์จำเลยหาจำต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับจากวันที่จำเลยใช้สิทธิปรับโจทก์ไม่เพราะการที่จำเลยหักเงินค่าปรับไว้เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาโดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาการก่อสร้างชำรุด: ผู้รับจ้างต้องรับผิดหากผู้ว่าจ้างไม่รับมอบโดยไม่อิดเอื้อน แม้พ้นอายุความ ก็หักกลบลบหนี้ได้
ผู้รับจ้างปลูกอาคารโดยชำรุดบกพร่องไม่ต้องรับผิดต่อเมื่อผู้ว่าจ้างรับมอบอาคารโดยไม่อิดเอื้อน เมื่อผู้ว่าจ้างทักท้วงผู้รับจ้างต้องรับผิดโดยมีอายุความ 1 ปี ตาม มาตรา 601 แต่เมื่อแรกที่ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเรียกร้องยังอยู่ในกำหนด 1 ปี ฉะนั้นแม้พ้น 1 ปี แล้วผู้ว่าจ้างก็หักกลบลบหนี้ค่าจ้างที่ค้างชำระกับค่าเสียหายที่ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2568/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาการก่อสร้าง: การผ่อนปรนเงื่อนไขสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหายจากความผิดสัญญา
สัญญาก่อสร้างตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ก่อสร้าง (จำเลย) ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการขับไล่ผู้อาศัยที่ยังเหลืออยู่อีกสองรายในที่ดิน ส่วนที่ผู้ให้ก่อสร้าง (โจทก์) ชนะคดีแล้วนั้น ผู้ให้ก่อสร้างรับผิดชอบขับไล่ให้โดยบังคับคดีภายใน 20 วันนับแต่วันทำสัญญาดังนี้ เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำแถลงให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีให้ผู้เช่าออกจากตึกแถวแล้วตามสัญญา มิได้หมายความว่าโจทก์จะต้องขับไล่ผู้เช่าออกไปจากตึกแถวภายใน 20 วันนับแต่วันทำสัญญา ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นได้ว่าการทำสัญญาก่อสร้างระหว่างโจทก์จำเลยมิได้มุ่งเรื่องเวลาเป็นข้อสารสำคัญ หากแต่มีเจตนาผ่อนปรนซึ่งกันและกันตามสมควร
ในกรณีผิดสัญญา สิทธิของคู่สัญญาที่จะบังคับเอาแก่คู่สัญญาฝ่าที่ผิดสัญญานั้นมีอยู่สองประการ คือ บังคับให้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามมูลหนี้ประการหนึ่ง กับบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายอีกประการหนึ่ง คดีนี้โจทก์อ้างว่าถ้าจำเลยสร้างตึกแถวเสร็จโจทก์จะได้กรรมสิทธิ์และได้ค่าเช่านั้น เท่ากับโจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิแต่การที่จำเลยผิดสัญญาทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่จะได้รับค่าหน้าดินตามสัญญา ค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้จึงควรเท่ากับจำนวนเงินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2568/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาการก่อสร้าง: การผิดสัญญาเรื่องการขับไล่ผู้เช่า และผลกระทบต่อค่าเสียหาย
สัญญาก่อสร้างตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ก่อสร้าง (จำเลย) ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการขับไล่ผู้อยู่อาศัยที่ยังเหลืออยู่อีกสองรายในที่ดิน ส่วนที่ผู้ให้ก่อสร้าง (โจทก์) ชนะคดีแล้วนั้น ผู้ให้ก่อสร้างรับผิดชอบขับไล่ให้โดยบังคับคดีภายใน 20 วันนับแต่วันทำสัญญา ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำแถลงให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีให้ผู้เช่าออกจากตึกแถวแล้วตามสัญญามิได้หมายความว่าโจทก์จะต้องขับไล่ผู้เช่าออกไปจากตึกแถวภายใน 20 วันนับแต่วันทำสัญญา ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นได้ว่าการทำสัญญาก่อสร้างระหว่างโจทก์จำเลยมิได้มุ่งเรื่องเวลาเป็นข้อสารสำคัญ หากแต่มีเจตนาผ่อนปรนซึ่งกันและกันตามสมควร
ในกรณีผิดสัญญา สิทธิของคู่สัญญาที่จะบังคับเอาแก่คู่สัญญาฝ่ายที่ผิดสัญญานั้นมีอยู่สองประการ คือ บังคับให้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามมูลหนี้ประการหนึ่ง กับบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายอีกประการหนึ่ง คดีนี้โจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้วย่อมจะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาไม่ได้ การที่โจทก์อ้างว่าถ้าจำเลยสร้างตึกแถวเสร็จโจทก์จะได้กรรมสิทธิ์และได้ค่าเช่านั้น เท่ากับโจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิ แต่การที่จำเลยผิดสัญญาทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่จะได้รับค่าหน้าดินตามสัญญา ค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้จึงควรเท่ากับจำนวนเงินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7060/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยผิดสัญญาการก่อสร้าง แม้ได้รับค่าจ้างบางส่วนแล้ว โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน
จำเลยรับจ้างก่อสร้างบ้านให้แก่โจทก์ในราคา 2,225,000 บาท และได้รับค่าจ้างจากโจทก์แล้ว 2,050,000 บาท คงเหลืออีกเพียง 175,000 บาท แม้ตามบันทึกข้อตกลงไม่ได้กำหนดระยะเวลาก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ และจำเลยเสนอแผนการเงินให้โจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่พิจารณาให้จำเลยกู้เงินก็ตาม จำเลยก็มีหน้าที่ต้องก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ แต่จำเลยก็ไม่ก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ หรือดำเนินการประการใดที่แสดงว่าจำเลยจะก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ ทั้งตามแผนการเงินที่จำเลยเสนอต่อโจทก์สำหรับรายการงานส่วนที่เหลือจะต้องใช้เงินถึง 1,455,000 บาท และจำเลยก่อสร้างบ้านได้เพียงโครงสร้างบางส่วน แต่โจทก์ต้องชำระค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือให้แก่จำเลยอีกเพียง 175,000 บาท ย่อมเห็นได้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยไม่สามารถก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จตามสัญญา จะทิ้งงานไม่ก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จต่อไป และผิดสัญญา โจทก์ชอบที่จะเลิกสัญญาโดยไม่จำต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้จำเลยก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ