คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาปราณีประนอมยอมความ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปราณีประนอมยอมความระหว่างเจ้าของรวมบางส่วน ไม่ผูกพันเจ้าของรวมทั้งหมด
เจ้าของรวมในกรรมสิทธิ์ที่ดินผู้หนึ่งไปก่อให้เกิดการติดพันในที่ดินแปลงนั้น โดยทำสัญญาประณีประนอมยอมความให้บุคคลอื่นมามีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ด้วย สัญญานั้นหาผูกพันเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปราณีประนอมยอมความมีผลผูกพันบังคับได้ เมื่อครบกำหนดสัญญา อีกฝ่ายมีสิทธิขอให้บังคับได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่และจำเลยอ้างว่าได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ที่สุดศาลได้พิพากษาให้เป็นไปตามยอมนั้นข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทต่อไปอีก 3 ปีโดยจำเลยยอมเสียค่าเช่าแก่โจทก์เดือนละ 70 บาทนั้น เป็นสาระสำคัญข้อหนึ่งแห่งสัญญาปราณีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ยอมออก โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยได้เพราะ+

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบสัญญาปราณีประนอมยอมความที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาท
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน จำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นที่ของจำเลยดังนี้จำเลยจะนำสืบว่าได้มีสัญญาปราณีประนอมยอมความอันเกี่ยวกับที่ดินนี ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องนอกประเด็น ทั้งไม่มีมีผลแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปราณีประนอมยอมความและการบังคับตามสัญญา หากศาลบังคับตามสัญญาแล้ว ประเด็นเรื่องมรดกย่อมสิ้นสุด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินโฉนดที่ 291 ร่วมกับ ท. ท.ตายมีผู้รับมฤดกส่วนของ ท.ต่อมาเป็นทอด ๆ จนถึง ด. เมื่อ ด. ตาย โจทก์,จำเลยเป็นผู้รับมฤดกของ ด. ร่วมกันและได้ทำสัญญาปราณีประนอมกัน คือ จำเลยยอมแบ่งที่ดินโฉนดที่ 505 ตามเขตต์ที่โจทก์ปกครองให้โจทก์ และโจทก์ยอมให้จำเลยรับมฤดกของ ด.แต่ผู้เดียว บัดนี้จำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอม โจทก์จึงฟ้องโดยมีคำขอท้ายฟ้อง ดังนี้
1. ให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอมยอมความ หรือมิฉะนั้นให้ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ 291 ในฐานะผู้รับมฤดกของ ด.
2. ขอให้ที่นาส่วนของ ด.เป็นมฤดกตามเดิม
3. แบ่งที่นามฤดกของ ด. ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
ดังนี้ ต้องแปลว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัตตามสัญญาปราณีประนอมเป็นข้อต้น ถ้าศาลไม่บังคับให้ จึงขอให้บังคับจำเลยตามคำขอในข้ออื่น ๆ อันเกี่ยวกับมฤดกของ ด. ฉะนั้นเมื่อศาลบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอมแล้ว ก็เป็นอันไม่มีประเด็นจะต้องไปชี้ในเรื่องที่ดินโฉนดที่ 291 อันเกี่ยวกับมฤดกของ ด. อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงก่อนการยอมความสมบูรณ์และการถอนข้อตกลง: ศาลไม่สามารถบังคับตามข้อตกลงเดิมได้หากมีการถอนก่อนการยอมความ
ข้อตกลงซึ่งโจทก์กับจำเลยบางคนได้ตกลงกันและผูกพันถึงจำเลยบางคนที่ไม่มาศาล และไม่ได้ทำความตกลงด้วย แม้ภายหลังจำเลยที่ไม่มาศาลได้มายอมรับตามข้อตกลงนั้น แต่จำเลยอื่นที่ตกลงไว้ก่อนได้ขอถอนข้อตกลงเสียก่อนนั้นแล้ว ดังนี้ ศาลจะพิพากษาคดีไปตามข้อตกลงนั้นไม่ได้ เพราะได้มีการขอถอนเสียก่อนที่ข้อตกลงนั้นจะใช้เป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความโดยสมบูรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลมีอำนาจรับฟังพฤติการณ์ก่อน-หลังสัญญาปราณีประนอมยอมความเพื่อค้นหาความจริงได้ แม้จะไม่ได้ยกประเด็นไว้แต่แรก
ประเด็นมีว่า จำเลยได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกับโจทก์ตามที่โจทก์นำมาฟ้องหรือเปล่า การที่จะให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นประธานแห่งประเด็น ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์ที่เป็นมาทั้งก่อนและภายหลังวันที่อ้างว่าได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวแก่ประเด็นโดยตรง ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่าจะควรเชื่อหรือไม่เชื่อพฤติการณ์ต่าง ๆ ระหว่างโจทก์จำเลยตั้งแต่เริ่มมีข้อพิพาทอันอ้างว่าเป็นเหตุให้เกิดสัญญาปราณีประนอมยอมความและการติดต่อภายหลัง อันเป็นเหตุให้อ้างว่า สัญญาปราณีประนอมยอมความนั้นได้มีการให้สัตยาบัน จึงอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะถึงทำได้ เพราะเป็นการค้นหาความจริงว่า สัญญาปราณีประนอมยอมความนั้น ได้มีขึ้นจริงหรือไม่นั่นเอง โจทก์จะจำกัดไม่ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็น เพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็น หาได้ไม่.