พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1588/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาสงรองยอมความไม่กระทบความรับผิดตามสัญญาค้ำประกันเดิม จำเลยที่ 4-5 ยังต้องรับผิด
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับมูลหนี้สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีตามฟ้องว่า จำเลยที่ 1ยินยอมชำระเงิน 10,240,369.65 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปีในต้นเงิน8,980,599.63 บาทนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระแล้วเสร็จ และจากยอดเงิน 10,240,369.65 บาทดังกล่าว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันยินยอมชำระเป็นเงิน 1,707,863.01 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปีในต้นเงิน1,500,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3จะชำระหนี้แก่โจทก์ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ดังกล่าว หากผิดนัดยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีโดยยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบจำนวนหนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ยินยอมรับผิดต่อโจทก์เต็มตามฟ้องทุกประการ ทั้งยอดหนี้รวมยอดหนี้ซึ่งใช้เป็นฐานในการคิดดอกเบี้ยต่อไป ตลอดทั้งกำหนดเวลาในการเริ่มต้นคิดดอกเบี้ยอีก นอกจากนี้การตกลงประนีประนอมยอมความเกิดขึ้นขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นกรณีที่คู่ความเฉพาะโจทก์กับจำเลยที่ 1ถึงที่ 3 แสดงเจตนาระงับข้อพิพาทตามฟ้องโดยประสงค์ให้ศาลพิพากษาให้ข้อตกลงดังกล่าวบังเกิดผลจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเฉพาะโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มิได้มีผลเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันร่วมในหนี้เดิม ถือไม่ได้ว่าหนี้เดิมระงับและเป็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้อันเป็นการแปลงหนี้ใหม่และการที่โจทก์ตกลงให้เวลา 6 เดือนในการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นับแต่วันที่ตกลงกันจำเลยที่ 4 และที่ 5 ก็ต้องห้ามมิให้อ้างเป็นเหตุปลดเปลื้องความรับผิดดังที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกันเบิกเงินเกินบัญชี จำเลยที่ 4 และที่ 5จึงยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาดังกล่าว