คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สายไฟฟ้า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากความประมาทและการจำกัดความคุ้มครองประกันภัย กรณีความเสียหายจากท่อส่งปูนกระทบสายไฟฟ้า
แม้โจทก์ละเลยมิได้ติดตั้งอุปกรณ์จำกัดการไหลของกระแสไฟฟ้าหรือใช้หม้อแปลงให้กระแสไฟฟ้ามีแรงดันไม่เกิน 220 โวลต์ ก่อนเข้าสู่ป้ายโฆษณาของโจทก์ ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ยอมเสี่ยงภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ไม่อาจเรียกร้องความรับผิดจากผู้ใดได้ เช่น ฟ้าผ่า หรือสายไฟฟ้าแรงสูงขาดตกลงมาพาดทับป้ายโฆษณาของโจทก์โดยอุบัติเหตุ แต่ในกรณีนี้ความเสียหายจะไม่เกิดแก่โจทก์แม้ปราศจากอุปกรณ์ดังกล่าว ถ้าจำเลยมิได้กระทำด้วยความประมาทโดยการทำให้ท่อส่งปูนซิเมนต์สู่ที่สูงพาดถูกสายไฟฟ้าแรงสูงขาดตกลงมาถูกสายไฟฟ้าแรงต่ำเป็นเหตุให้สายไฟฟ้าแรงต่ำเพิ่มแรงดันมากขึ้นทำให้ป้ายโฆษณาของโจทก์เสียหายความประมาทของจำเลยจึงเป็นผลโดยตรงต่อความเสียหายของโจทก์
จำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยกับจำเลยซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัย ปรากฏตามกรมธรรม์ประกันภัยว่า ผู้เอาประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อบุคคลภายนอกเนื่องจากอุบัติเหตุการใช้รถยนต์ระหว่างระยะเวลาประกันภัยโดยระบุว่าไม่คุ้มครองตัวเครนและอุบัติเหตุจากตัวเครน ดังนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจำเลยร่วมจำกัดความรับผิดในการประกันภัยเฉพาะความเสียหายอันเกิดจากการใช้รถยนต์เท่านั้น จำเลยร่วมรู้อยู่แล้วว่ารถยนต์ที่เอาประกันภัยจะนำไปติดตั้งเครนจึงระบุข้อจำกัดความรับผิดต่อความเสียหายอันเกิดจากตัวเครนไว้โดยชัดแจ้งเมื่อความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นจากตัวเครนหาใช่รถยนต์ที่รับประกันภัยไว้จำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ดูแลสายไฟฟ้าใต้ดิน การตรวจสอบดูแลรักษา และเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถอ้างได้
จำเลยเป็นผู้ครอบครองดูแลสายไฟฟ้าใต้ดิน และอุปกรณ์ไฟฟ้าบริเวณทางเท้า ตรงทางเท้าที่เกิดเหตุมีรอยแตกแยกชำรุดและเมื่อขุดลงไปปรากฏว่าสายไฟฟ้าที่เกิดเหตุฝังลึกเพียง20 เซนติเมตร ซึ่งตามปกติจะฝังลึกจากพื้นดินประมาณ 60 เซนติเมตรและมีรอยชำรุดโดยไม่มีฉนวนหุ้มเมื่อขุดและยกสายไฟฟ้าขึ้นสายไฟฟ้าใต้ดินได้หลุดออกจากกันหากสายไฟฟ้าไม่ชำรุดถึงแม้น้ำจะท่วมสูงขนาดไหนไฟฟ้าก็จะไม่ลัดวงจร ทั้งจำเลยมีเครื่องเมกเกอร์สำหรับตรวจสอบกระแสไฟฟ้ารั่วหลังเกิดเหตุแล้วได้ใช้เครื่องดังกล่าวเพียงครั้งเดียว ก่อนหน้านั้นไม่เคยใช้ตรวจเลย หากจำเลยใช้เครื่องดังกล่าวตรวจสอบกระแสไฟฟ้ารั่วที่สายเคเบิ้ลใต้ดินบ่อย ๆ จำเลยอาจป้องกันแก้ไขกระแสไฟฟ้ารั่วได้ และหลังเกิดเหตุแล้วการไฟฟ้านครหลวงได้มีหนังสือถึงจำเลยแนะนำให้เดินสายไฟฟ้าในบริเวณที่เกิดเหตุใหม่ โดยให้เดินในท่อเหล็กขนาดหนา ดังนี้การที่บุตรโจทก์เดินไปบริเวณทางเท้าที่มีน้ำท่วมขังและถูกกระแสไฟฟ้าดูดจนถึงแก่ความตายจึงเป็นเหตุที่อาจป้องกันได้ หากจำเลยจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควร อันพึงคาดหมายได้ในฐานะที่จำเลยเป็นผู้ครอบครองดูแลสายไฟฟ้าที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่เกิดอันตรายได้โดยสภาพแต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ ทั้งที่มีเครื่องมือสามารถตรวจสอบได้เหตุที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยที่จำเลยจะอ้างเพื่อบอกปัดความรับผิดได้ จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4155/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำประโยชน์เหนือที่ดินของเจ้าของที่ดินเดิม และผลกระทบต่อผู้รับโอนที่ดินที่ได้รับประโยชน์จากการวางสายไฟฟ้า
เจ้าของที่ดินเดิมได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อย 2 แถวด้านหน้าและด้านหลัง แล้วปลูกตึกแถวพร้อมกับวางสายไฟฟ้าจากที่ดินแปลงที่อยู่ด้านหลังผ่านที่ดินแปลงที่อยู่ด้านหน้าเพื่อประโยชน์ในการใช้ไฟฟ้าของตึกแถวด้านหลัง การที่เจ้าของที่ดินเดิมขายที่ดินที่แบ่งแยกพร้อมตึกแถวด้านหลังซึ่งมีไฟฟ้าใช้แล้วให้กับผู้อื่นโดยราคาที่ตกลงซื้อขายนี้เป็นที่เห็นได้ว่ารวมค่าไฟฟ้าเข้าด้วยแล้วเช่นนี้ ถือได้ว่าผู้รับโอนที่ดินพร้อมตึกแถวด้านหลังซึ่งเป็นที่ดินติดต่อได้ใช้ค่าทดแทนในการวางสายไฟฟ้าผ่านที่ดินซึ่งอยู่ด้านหน้าแก่เจ้าของเดิมแล้ว จึงเป็นข้อกำจัดสิทธิอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352 เจ้าของที่ดินเดิมไม่อาจบังคับให้เจ้าของที่ดินติดต่อย้ายสายไฟฟ้าให้พ้นไปจากที่ดินของตนได้ และข้อกำจัดสิทธิดังกล่าวไม่จำต้องจดทะเบียนตามมาตรา 1338 ก็มีผลบังคับกันได้ ดังนั้น โจทก์ซึ่งรับโอนที่ดินด้านหน้าจึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสายไฟฟ้าออกไปให้พ้นบ้านโจทก์ได้ เพราะการฟ้องจำเลยก็มีผลเช่นเดียวกับการฟ้องเจ้าของที่ดินติดต่อนั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4155/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดสิทธิในที่ดิน: การวางสายไฟฟ้าและการโอนสิทธิพร้อมค่าทดแทน
เจ้าของที่ดินเดิมได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อยแล้วปลูกตึกแถวจำนวน 2 แถว โดยขอให้จำเลยเดินสายไฟฟ้าผ่านที่ดินแปลงที่อยู่ด้านหน้าไปยังที่ดินแปลงที่อยู่ด้านหลัง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในตึกแถวด้านหลังมีไฟฟ้าใช้การที่เจ้าของเดิมขายที่ดินที่แบ่งแยกพร้อมตึกแถวด้านหลังซึ่งมีไฟฟ้าใช้แล้วให้แก่ผู้อื่นไปโดยราคาที่ตกลงซื้อขายนี้เป็นที่เห็นได้ว่ารวมค่าไฟฟ้าเข้าด้วยแล้วเช่นนี้ ถือได้ว่าผู้รับโอนที่ดินพร้อมตึกแถวด้านหลังซึ่งเป็นที่ดินติดต่อได้ใช้ค่าทดแทนในการวางสายไฟฟ้าผ่านที่ดินซึ่งอยู่ด้านหน้าแก่เจ้าของเดิมแล้ว จึงเป็นข้อจำกัดสิทธิอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352 เจ้าของที่ดินเดิมไม่อาจบังคับให้เจ้าของที่ดินติดต่อย้ายสายไฟฟ้าให้พ้นไปจากที่ดินของตนได้และข้อจำกัดสิทธิดังกล่าวไม่จำต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1338 ก็มีผลบังคับกันได้ดังนั้น โจทก์ซึ่งรับโอนที่ดินด้านหน้าจึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสายไฟฟ้าออกไปให้พ้นบ้านโจทก์ได้ เพราะการฟ้องจำเลยก็มีผลเช่นเดียวกับการฟ้องเจ้าของที่ดินติดต่อนั่นเอง อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้โดยตรง ก็ชอบที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อจากการติดตั้งสายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐานเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และสิทธิเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะ
สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินจะต้องต่อลงดินทุก ๆ ระยะ 200 เมตรและปลายสายจะต้องต่อลงดินด้วย เพื่อให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์จริง ๆกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านเข้าไม่ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุสายไฟฟ้าที่พาด เสา ไฟฟ้าทั้ง 22 ต้น เป็นระยะทางถึง 840 เมตรมีสายดินต่อลงดินเพียงแห่งเดียวคือที่เสาไฟฟ้าต้นที่ 22 จึงไม่ทำให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์ กระแสไฟฟ้าย่อมไหลผ่านเข้าไปได้ การที่สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินพาด ระหว่างเสาไฟฟ้าต้นที่ 17 กับต้นที่ 18ปักอยู่ในสวนของผู้ตายได้ขาดตกลงมาในท้องร่อง ซึ่งมีน้ำขัง ผู้ตายไปเปิดน้ำเข้าสวนถูกกระแสไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตาย จึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ทำการพาด สายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 3 คน ขณะผู้ตายยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้อุปการะโจทก์และบุตร การที่จำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทำให้บุตรโจทก์ขาดไร้อุปการะ จึงขอเรียกค่าขาดไร้อุปการะของบุตรโจทก์เช่นนี้ มีความหมายพอเป็นที่เข้าใจได้ว่าบุตรโจทก์ขอเรียกค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิของตนนั่นเอง แต่เพราะเหตุที่บุตรโจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์ยังฟ้องคดีเองไม่ได้ โจทก์ซึ่งเป็นมารดาและผู้แทนโดยชอบธรรมจึงฟ้องแทน ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องทั้งในนามตนเองและในนามบุตรทั้งสามโดยปริยาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการติดตั้งสายไฟฟ้าทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต และสิทธิเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะของบุตร
สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินจะต้องต่อลงดินทุกระยะ 200 เมตรและปลายสายจะต้องต่อลงดินด้วย เพื่อให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านเข้าไม่ได้ ขณะเกิดเหตุสายไฟฟ้าที่พาดเสาไฟฟ้าทั้ง 22 ต้น เป็นระยะทางถึง 840 เมตร มีสายดินต่อลงดินเพียงแห่งเดียวคือที่เสาไฟฟ้าต้นที่ 22 จึงไม่ทำให้สายดินมีค่าเป็นศูนย์ กระแสไฟฟ้าย่อมไหลผ่านเข้าไปได้ การที่สายไฟฟ้าซึ่งเป็นสายดินพาดระหว่างเสาไฟฟ้าต้นที่ 17 กับต้นที่ 18 ที่ปักอยู่ในสวนของผู้ตายได้ขาดตกลงมาในท้องร่องซึ่งมีน้ำขัง ผู้ตายไปเปิดน้ำเข้าสวนถูกกระแสไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ทำการพาดสายไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมีบุตรด้วยกัน 3 คน ขณะผู้ตายยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้อุปการะโจทก์และบุตรการที่จำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทำให้บุตรโจทก์ขาดไร้อุปการะ จึงขอเรียกค่าขาดไร้อุปการะของบุตรโจทก์ เช่นนี้ มีความหมายพอเป็นที่เข้าใจได้ว่าบุตรโจทก์ขอเรียกค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิของตนแต่บุตรโจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์ยังฟ้องคดีเองไม่ได้ โจทก์ซึ่งเป็นมารดาและผู้แทนโดยชอบธรรมจึงฟ้องแทน ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องทั้งในนามตนเองและในนามบุตรทั้งสามโดยปริยาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3734/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดต่อการเสียชีวิตจากกระแสไฟฟ้ารั่ว: ผู้ครอบครองสายไฟฟ้าต้องรับผิดแต่ผู้เดียว
ข้อบังคับการบริการและใช้ไฟฟ้าระบุว่า สายและอุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งต่อจากเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้ามายังสถานที่ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าต้องดูแลรับผิดชอบเอง เมื่อปรากฏว่าการไฟฟ้านครหลวง จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดตั้งสายไฟฟ้ามาบรรจบสายที่ตู้โทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจำเลยที่ 2 เท่านั้น และขณะเกิดเหตุ สายไฟฟ้าที่ต่อจากเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าซึ่งติดกับเสาไฟฟ้าส่วนที่ใกล้ขอบชายคาโทรศัพท์ชำรุดเป็นเหตุให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วผ่านตู้โทรศัพท์ลงน้ำเป็นเหตุให้ ป. ถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองสายไฟฟ้าที่ชำรุดดังกล่าว จำเลยที่ 2จึงต้องรับผิดแต่ผู้เดียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และมาตรา 437 วรรค 2 โดยที่จำเลยที่ 1ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการขับรถบรรทุกชนสายไฟฟ้า ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกถังเหล็กมาตามถนน เห็นสายไฟฟ้าพาดขวางถนนอยู่ข้างหน้า จำเลยที่ 1 น่าจะต้องคิดว่าความสูงของของที่บรรทุกมาจะลอดพ้นได้หรือไม่ และควรจะค่อย ๆ เคลื่อนรถลอดใต้สายเคเบิลนั้น โดยให้คนในรถดูว่าจะพันได้หรือไม่ แต่จำเลยที่ 1 ไม่ทำดังนั้น คงขับต่อไปด้วยความเร็วเพราะคิดว่าลอดพันได้ เป็นเหตุให้ถังเหล็กที่บรรทุกมาเกี่ยวสายไฟฟ้าจนทำให้เสาไฟฟ้าล้มไป 13 ต้น ดังนี้ เป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3160/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิด พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และการแยกกระทงความผิดฐานทำ/มีสายไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย
พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 มาตรา 18 วางหลักเกณฑ์ไว้ว่า ก่อนที่จะมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าอะลูมิเนียมหุ้มด้วยฉนวนโพลิไวนิลคลอไรด์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526ทางราชการจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เงื่อนไขดังกล่าวไม่ใช่ข้อความที่ต้องกล่าวในฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ดังนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวในฟ้องว่า เงื่อนไขในการตราพระราชกฤษฎีกาได้ปฏิบัติครบถ้วนแล้วหรือไม่ย่อมไม่ทำให้เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ความผิดฐานทำสายไฟฟ้าและความผิดฐานมีสายไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายนั้นพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ได้กำหนดองค์ประกอบความผิดและกำหนดโทษผู้ทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และผู้มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างมาตรากัน และฟ้องโจทก์ได้แยกการกระทำความผิดของจำเลยเป็นข้อ ๆ ขอให้ลงโทษจำเลยแต่ละข้อเป็นกระทงความผิดไป กรณีจึงฟังได้ว่าความผิดฐานทำสายไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานมีสายไฟฟ้าไว้เพื่อจำหน่ายเป็นความผิดหลายกรรม เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
คดีที่คู่ความฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้ และรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3160/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิด พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และการแยกกระทงความผิดฐานทำ/มีสายไฟฟ้า
พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพ.ศ.2511มาตรา18วางหลักเกณฑ์ไว้ว่าก่อนที่จะมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้า อะลูมิเนียมหุ้มด้วยฉนวนโพลิไวนิลคลอไรด์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (ฉบับที่3)พ.ศ.2526ทางราชการจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างเงื่อนไขดังกล่าวไม่ใช่ข้อความที่ต้องกล่าวในฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158ดังนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวในฟ้องว่าเงื่อนไขในการตราพระราชกฤษฎีกาได้ปฏิบัติครบถ้วนแล้วหรือไม่ย่อมไม่ทำให้เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ความผิดฐานทำสายไฟฟ้าและความผิดฐานมีสายไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายนั้นพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพ.ศ.2511ได้กำหนดองค์ประกอบความผิดและกำหนดโทษผู้ทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและผู้มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างมาตรากันและฟ้องโจทก์ได้แยกการกระทำความผิดของจำเลยเป็นข้อๆขอให้ลงโทษจำเลยแต่ละข้อเป็นกระทงความผิดไปกรณีจึงฟังได้ว่าความผิดฐานทำสายไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานมีสายไฟฟ้าไว้เพื่อจำหน่ายเป็นความผิดหลายกรรมเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพจึงลงโทษจำเลยตามฟ้องได้ คดีที่คู่ความฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมายศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้และรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้.
of 2