พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7772/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ดินพิพาท: สิทธิของผู้รับจำนองสุจริต แม้ที่ดินนั้นเป็นสินสมรส
โฉนดที่ดินพิพาทมีชื่อ ท.ภริยาจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว ในเบื้องต้น ท.ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว เมื่อโจทก์คัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับ ท. โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบให้เห็นตามข้อกล่าวอ้าง
ท.ภริยาจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดพิพาทไว้แก่ผู้ร้องโดยผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองไม่ทราบว่า จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทอยู่ครึ่งหนึ่งผู้ร้องจึงมิได้ให้ ท.นำจำเลยมาให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมจำนองที่ดินพิพาทตามระเบียบ และเมื่อโจทก์มิได้สืบพิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้ร้องรับจำนองที่ดินพิพาทไว้โดยไม่สุจริต จึงต้องถือว่าผู้ร้องรับจำนองโดยสุจริตตาม ป.พ.พ.มาตรา 6 ดังนี้การจำนองดังกล่าวจึงสมบูรณ์และมีผลผูกพันที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์จำนองทั้งหมดทุกส่วน ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองจากที่ดินโฉนดพิพาททั้งหมดก่อนเจ้าหนี้อื่น
ท.ภริยาจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดพิพาทไว้แก่ผู้ร้องโดยผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองไม่ทราบว่า จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทอยู่ครึ่งหนึ่งผู้ร้องจึงมิได้ให้ ท.นำจำเลยมาให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมจำนองที่ดินพิพาทตามระเบียบ และเมื่อโจทก์มิได้สืบพิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้ร้องรับจำนองที่ดินพิพาทไว้โดยไม่สุจริต จึงต้องถือว่าผู้ร้องรับจำนองโดยสุจริตตาม ป.พ.พ.มาตรา 6 ดังนี้การจำนองดังกล่าวจึงสมบูรณ์และมีผลผูกพันที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์จำนองทั้งหมดทุกส่วน ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองจากที่ดินโฉนดพิพาททั้งหมดก่อนเจ้าหนี้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคิดดอกเบี้ยทบต้นตามสัญญาจำนอง: สิทธิของผู้รับจำนองตามข้อตกลง
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 715 ทรัพย์สินซึ่งจำนองย่อมเป็นประกันเพื่อการชำระหนี้กับทั้งค่าอุปกรณ์ คือ ดอกเบี้ยด้วย และตามสัญญาจำนองระบุว่าผู้จำนองตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โดยส่งดอกเบี้ยเดือนละครั้ง การคิดดอกเบี้ยให้คิดทบต้นตามวิธีการของธนาคาร ข้อตกลงอื่น ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาต่อท้ายและให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจำนอง ซึ่งตามสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองกำหนดว่า ผู้จำนองยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในจำนวนเงินทั้งสิ้นที่ผู้จำนองเป็นหนี้ เงินดอกเบี้ยนี้จะได้คิดในยอดเงินคงเหลือประจำวัน และผู้จำนองยอมส่งดอกเบี้ยทุก ๆ เดือนเสมอไป หากผิดนัดชำระดอกเบี้ยที่กล่าวนี้ยอมให้ผู้รับจำนองคำนวณดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบต้นในบัญชีของผู้จำนองด้วย โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นในอัตราดังกล่าวได้ตามข้อตกลงในสัญญาจำนองดังกล่าวเมื่อดอกเบี้ยที่ค้างชำระได้ถูกทบเข้าเป็นต้นเงินเสียแล้ว จึงไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระเกินกว่า 5 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองเมื่อเจ้าของที่ดินใช้สิทธิบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ผู้ร้องเป็นผู้รับจำนองตึกแถวพิพาทไว้จากจำเลยชอบที่จะใช้สิทธิเพื่อให้ตนได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินนั้นก่อนเจ้าหนี้สามัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 วรรคแรก เท่านั้น แต่การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยปลูกอยู่ใช้สิทธิบังคับคดีขับไล่จำเลยให้รื้อถอนตึกแถวดังกล่าวออกไปย่อมไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นระหว่างโจทก์กับผู้ร้องหรือผู้ร้องเป็นบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดีอันเกี่ยวกับตึกแถวพิพาท ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดและระงับการรื้อถอนตึกแถวพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองขอรับชำระหนี้จากการบังคับคดี - ไม่จำกัดสิทธิ ต้องฟ้องบังคับจำนองก่อน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา289วรรคแรกไม่มีข้อจำกัดสิทธิของผู้รับจำนองว่าจะต้องฟ้องร้องบังคับจำนองก่อนหรือจะต้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาจึงจะขอรับชำระหนี้ได้ทั้งไม่มีบทบัญญัติใดระบุว่าโจทก์และผู้รับจำนองจะต้องเป็นบุคคลฐานะเดียวกันไม่ได้หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยมีที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้จำนองเป็นประกันผู้ร้องย่อมอาศัยอำนาจแห่งการจำนองขอให้ศาลขายที่ดินโดยปลอดจำนองเพื่อนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมโอนและจำนองที่ดินเป็นโมฆะจากเจตนาทุจริต ผู้รับจำนองไม่มีสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ ลงลายมือชื่อใน หนังสือมอบอำนาจโดยยังไม่กรอกข้อความจำเลยที่1นำหนังสือมอบอำนาจนั้นไปกรอกข้อความว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่1เป็นผู้มีอำนาจยื่นคำขอจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์ให้แก่จำเลยที่1โดยโจทก์ไม่รู้เห็นด้วยนิติกรรมการโอนเกิดขึ้นจากการทุจริตจึงตกเป็น โมฆะ ถือเสมือนว่ามิได้มีนิติกรรมการโอนเกิดขึ้น กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทยังคงเป็นของโจทก์ฉะนั้นการที่จำเลยที่2รับจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทไว้จากจำเลยที่1จึงไม่เกิดผลให้จำเลยที่2มีสิทธิตามนิติกรรมจำนองโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ เพิกถอนนิติกรรม จำนองระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6082/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน – ผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนอง แม้มีการโอนกรรมสิทธิ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์ โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองกำลังฟ้องบังคับจำนองที่ดินเอาแก่จำเลยก็ตาม แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสอง ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ ดังนั้น แม้ที่ดินจะโอนกรรมสิทธิ์ไปยังโจทก์ สิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก็ยังคงมีอยู่ตามเดิมส่วนวิธีการที่จะบังคับจำนองเอาแก่ที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้ร้องแต่อย่างใดไม่มีเหตุที่จะให้ผู้ร้องรอการส่งมอบโฉนดที่ดินต่อศาลเพื่อให้โจทก์ไปดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4914/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองสินสมรสโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับคดีตามคำพิพากษา
โจทก์ผู้รับจำนองไม่ทราบถึงการที่ผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของและไม่ได้ยินยอมให้นำที่พิพาทส่วนของผู้ร้องเข้าร่วมจำนองด้วยเนื่องจาก ป.ผู้จำนองมิได้แจ้งให้ทราบ การจำนองจึงสมบูรณ์และมีผลผูกพันทรัพย์จำนองทั้งหมดทุกส่วน เมื่อจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของป.ถูกโจทก์ฟ้องบังคับจำนองและศาลพิพากษาให้บังคับตามสัญญาจำนองได้แล้วเช่นนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาได้ ส่วนการที่ ป.นำทรัพย์ส่วนของผู้ร้องเข้าร่วมจำนอง โดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้ร้องนั้นหากเป็นเหตุให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายอย่างไร ผู้ร้องก็ชอบที่จะว่ากล่าวเอาแก่ ป. หรือทายาทของป. เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะมาร้องขอกันส่วนให้บังคับคดีมีผลผิดไปจากคำพิพากษาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยจำนอง สิทธิยังคงมีอยู่ตามกฎหมาย
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1336 เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรายนี้แก่โจทก์ และได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินนั้นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา เสร็จแล้วจะส่งคืนให้ผู้ร้องยึดถือไว้ต่อไป เช่นนี้ผู้ร้องซึ่งได้ยึดถือโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้รับจำนองจะปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบโดยอ้างสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินนั้นไว้หาได้ไม่ทั้งนี้เพราะศาลเพียงแต่มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินเป็นการชั่วคราวเท่านั้น หาใช่จะเอาโฉนดที่ดินนั้นไปจากการยึดถือครอบครองของผู้ร้องเสียเลยทีเดียวไม่ แม้ที่ดินดังกล่าวจะโอนกรรมสิทธิ์ไปยังโจทก์ สิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก็คงยังมีอยู่ตามเดิม ส่วนวิธีการที่จะบังคับจำนองเอากับที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้ร้องแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนองคงอยู่แม้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ผู้รับจำนองไม่เสียสิทธิบังคับจำนอง
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรายนี้แก่โจทก์ และได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินนั้นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา เสร็จแล้วจะส่งคืนให้ผู้ร้องยึดถือไว้ต่อไปเช่นนี้ ผู้ร้องซึ่งได้ยึดถือโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้รับจำนองจะปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบโดยอ้างสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินนั้นไว้หาได้ไม่ ทั้งนี้เพราะศาลเพียงแต่มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินเป็นการชั่วคราวเท่านั้น หาใช่จะเอาโฉนดที่ดินนั้นไปจากการยึดถือครอบครองของผู้ร้องเสียเลยทีเดียวไม่
แม้ที่ดินดังกล่าวจะโอนกรรมสิทธิ์ไปยังโจทก์ สิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก็คงยังมีอยู่ตามเดิม ส่วนวิธีการที่จะบังคับจำนองเอากับที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้ร้องแต่อย่างใด.
แม้ที่ดินดังกล่าวจะโอนกรรมสิทธิ์ไปยังโจทก์ สิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก็คงยังมีอยู่ตามเดิม ส่วนวิธีการที่จะบังคับจำนองเอากับที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้ร้องแต่อย่างใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองเหนือทรัพย์จำนอง แม้มีการซื้อขายทรัพย์ก่อนบังคับคดี ผู้ซื้อไม่มีสิทธิขัดทรัพย์
โจทก์ฟ้องผู้จำนองจนมีผลการบังคับคดียึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญาจำนองแล้ว การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์รับซื้อทรัพย์ที่จำนองจากผู้จำนองและศาลพิพากษาให้ผู้จำนองโอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญา แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษานั้น ผู้ร้องขัดทรัพย์มีฐานะเท่ากับบุคคลภายนอกที่จะได้รับโอนทรัพย์จำนองซึ่งอยู่ใระหว่างถูกยึดขายทอดตลาด ย่อมต้องถูกบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองด้วย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288