พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตรนอกสมรส: สิทธิของมารดาในการกำหนดที่อยู่และการเรียกบุตรคืน
โจทก์กับ ล. เป็นสามีภรรยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกันคือ เด็กชาย ธ. เด็กชาย ธ. จึงเป็นบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองย่อมตกอยู่กับโจทก์ผู้เป็นมารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538 (5) โจทก์มีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตรและเรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมายได้ ตามมาตรา 1539 (1) (4)
การที่โจทก์ขอรับเด็กชาย ธ. คืนจากจำเลยซึ่งเป็นบิดาของ ล. ถือว่าเป็นการกำหนดที่อยู่ใหม่ของบุตร และการที่จำเลยไม่ยอมส่งมอบเด็กชาย ธ. ให้โจทก์ จนกระทั่งโจทก์ต้องร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยก็ยังไม่ยอมมอบบุตรให้โจทก์อีก ทั้ง ๆ ที่ ล. ไม่ขัดข้องที่จะให้เด็กชาย ธ. ไปอยู่กับโจทก์ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกักบุตรของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบ สิทธิของโจทก์ถูกโต้แย้งแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยผู้โต้แย้งสิทธิให้ส่งมอบบุตรได้ตามมาตรา 55 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่จำเป็นต้องฟ้อง ล.
การที่โจทก์ขอรับเด็กชาย ธ. คืนจากจำเลยซึ่งเป็นบิดาของ ล. ถือว่าเป็นการกำหนดที่อยู่ใหม่ของบุตร และการที่จำเลยไม่ยอมส่งมอบเด็กชาย ธ. ให้โจทก์ จนกระทั่งโจทก์ต้องร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยก็ยังไม่ยอมมอบบุตรให้โจทก์อีก ทั้ง ๆ ที่ ล. ไม่ขัดข้องที่จะให้เด็กชาย ธ. ไปอยู่กับโจทก์ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกักบุตรของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบ สิทธิของโจทก์ถูกโต้แย้งแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยผู้โต้แย้งสิทธิให้ส่งมอบบุตรได้ตามมาตรา 55 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่จำเป็นต้องฟ้อง ล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับทรัพย์สินเด็ก: สิทธิของมารดา, ผลผูกพัน, และการพิจารณาคดี
จำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นว่าสัญญาท้ายคำให้การและฟ้องแย้งเป็นสัญญาประนีประนอม ดังนี้ประเด็นข้อวินิจฉัยก็อยู่ที่ว่าข้อความที่ปรากฏในเอกสารฉบับนั้นจะเป็นการเพียงพอตามกฎหมายที่ศาลจะบังคับให้เป็นไปตามนั้นหรือไม่เท่านั้น ถ้าศาลเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หรือข้อความกำกวมจำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไปก่อนก็อาจระงับไว้ โดยยังไม่วินิจฉัยปัญหาเบี้องต้นในชั้นนี้ก็ได้
อนึ่งยังปรากฏต่อไปว่าศาลได้เปรียบเทียบให้คู่ความอ้างนายเย๊ะเป็นพยานคนกลางแต่เพียงคนเดียว โจทก์ไม่ยอม ฉะนั้นเมื่อศาลชั้นต้นเรียกนายเย๊ะเข้ามาเป็นพยานศาลและรับฟังตามคำพยานปากนี้ขึ้นปรับคดีให้โจทก์แพ้จึงเป็นการไม่ชอบ
สัญญาที่จำเลยขอให้วินิจฉัยเบื้องต้นโดยอ้างว่าเป็นสัญญาประนีประนอมฯนั้น แม้จะยอมรับฟังว่าเป็นสัญญาประนีประนอมแต่บุตรของโจทก์ทั้ง 3 ยังไม่บรรลุนิติภาวะฉะนั้นมารดาย่อมไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมฯ เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของบุตรผู้เป็นเด็กโดยลำพังตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546ข้อพิพาทจึงไม่อาจระงับไปได้ คดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
อนึ่งยังปรากฏต่อไปว่าศาลได้เปรียบเทียบให้คู่ความอ้างนายเย๊ะเป็นพยานคนกลางแต่เพียงคนเดียว โจทก์ไม่ยอม ฉะนั้นเมื่อศาลชั้นต้นเรียกนายเย๊ะเข้ามาเป็นพยานศาลและรับฟังตามคำพยานปากนี้ขึ้นปรับคดีให้โจทก์แพ้จึงเป็นการไม่ชอบ
สัญญาที่จำเลยขอให้วินิจฉัยเบื้องต้นโดยอ้างว่าเป็นสัญญาประนีประนอมฯนั้น แม้จะยอมรับฟังว่าเป็นสัญญาประนีประนอมแต่บุตรของโจทก์ทั้ง 3 ยังไม่บรรลุนิติภาวะฉะนั้นมารดาย่อมไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมฯ เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของบุตรผู้เป็นเด็กโดยลำพังตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546ข้อพิพาทจึงไม่อาจระงับไปได้ คดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป