พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1894/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิยึดถือโฉนดที่ดินต่างจากสิทธิยึดหน่วง ต้องมีหนี้อันเป็นคุณแก่ผู้ครอบครองเกี่ยวกับทรัพย์สิน
จำเลยผู้เป็นลูกหนี้เงินกู้มอบโฉนดที่ดินให้ผู้ร้องยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินไว้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้คืนโดยอาศัยข้อตกลงดังกล่าวนั้นเอง แต่สิทธิยึดถือโฉนดที่ดินเป็นเพียงบุคคลสิทธิบังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญาไม่สามารถใช้ยันแก่บุคคลอื่นได้ ส่วนสิทธิยึดหน่วงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 หมายถึง การที่ผู้ครอบครองได้ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นและมีหนี้อันเป็นคุณแก่ผู้ครอบครองเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นหนี้ที่ผู้ร้องมีเป็นเพียงหนี้เงินกู้ที่ผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้คืนเท่านั้นหาได้เป็นคุณแก่ผู้ร้องเกี่ยวด้วยที่ดินโฉนดดังกล่าวไม่ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการบังคับคดีแก่ที่ดินดังกล่าวผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดิน
ข้อเท็จจริงที่ว่าจะมีการนำโฉนดที่ดินที่มอบให้ผู้ร้องยึดถือไปจำนองเป็นประกันการกู้เงินตามหนังสือสัญญากู้นั้นด้วย เป็นข้ออ้างว่าผู้ร้องมีหนี้อันเป็นคุณแก่ผู้ร้องเกี่ยวด้วยโฉนดที่ดิน ซึ่งจะทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยึดหน่วงตามกฎหมาย ที่จะสนับสนุนว่าผู้ร้องมีสิทธิยึดหน่วง ผู้ร้องต้องอ้างมาในคำร้องด้วย จะนำสืบในชั้นไต่สวนคำร้องหาได้ไม่ เพราะมิใช่ข้อเท็จจริงอันเป็นเพียงรายละเอียดหรือข้อเท็จจริงที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อเท็จจริงที่กล่าวมาในคำร้องของผู้ร้องแม้จะเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
ข้อเท็จจริงที่ว่าจะมีการนำโฉนดที่ดินที่มอบให้ผู้ร้องยึดถือไปจำนองเป็นประกันการกู้เงินตามหนังสือสัญญากู้นั้นด้วย เป็นข้ออ้างว่าผู้ร้องมีหนี้อันเป็นคุณแก่ผู้ร้องเกี่ยวด้วยโฉนดที่ดิน ซึ่งจะทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยึดหน่วงตามกฎหมาย ที่จะสนับสนุนว่าผู้ร้องมีสิทธิยึดหน่วง ผู้ร้องต้องอ้างมาในคำร้องด้วย จะนำสืบในชั้นไต่สวนคำร้องหาได้ไม่ เพราะมิใช่ข้อเท็จจริงอันเป็นเพียงรายละเอียดหรือข้อเท็จจริงที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อเท็จจริงที่กล่าวมาในคำร้องของผู้ร้องแม้จะเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในห้องแถวบนป่าสงวน: สัญญาเช่าผูกพันแม้ราษฎรยึดครองโดยมิชอบ สิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่า
แม้ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14บัญญัติห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองหรืออยู่อาศัยในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ก็เป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับระหว่างรัฐกับราษฎร เป็นผลให้ราษฎรที่เข้ายึดถือครอบครองหรืออยู่อาศัยไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่อาจอ้างสิทธิใด ๆใช้ยันรัฐได้ แต่ในระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อจำเลยเป็นผู้ปลูกสร้างห้องแถวพิพาทบนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยก็มีสิทธิยึดถือและใช้สอยห้องแถวพิพาท กับมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับห้องแถวพิพาทโดยมิชอบ รวมทั้งมีสิทธิที่จะจำหน่ายห้องแถวพิพาทในสถานะเช่นเดียวกับเจ้าของ เมื่อโจทก์ได้ซื้อห้องแถวพิพาทจากจำเลย และจำเลยได้ยอมรับสิทธิของโจทก์โดยได้ทำหนังสือสัญญาเช่าห้องแถวพิพาทจากโจทก์ สัญญาเช่าจึงใช้บังคับได้มีผลผูกพันจำเลยเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากห้องแถวพิพาทและเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในห้องแถวบนที่ดินป่าสงวน: สิทธิระหว่างราษฎรย่อมมีผลผูกพันได้ แม้ที่ดินเป็นของรัฐ
พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 บัญญัติห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองหรืออยู่อาศัยในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับระหว่างรัฐกับราษฎร ซึ่งมีผลให้ราษฎรที่เข้ายึดถือครอบครองหรืออยู่อาศัย ไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่อาจอ้างสิทธิใช้ยันรัฐได้ แต่ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อจำเลยเป็นผู้ปลูกห้องแถวพิพาทแม้จะปลูกอยู่บนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยก็มีสิทธิยึดถือและใช้สอยห้องพิพาทกับมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้ใดเกี่ยวข้อง รวมทั้งมีสิทธิที่จะจำหน่ายห้องแถวพิพาทในสถานะเช่นเดียวกับเจ้าของเมื่อโจทก์ซื้อห้องแถวพิพาทจากจำเลย และจำเลยได้ยอมรับสิทธิของโจทก์โดยทำสัญญาเช่าที่พิพาทจากโจทก์ สัญญาเช่าจึงมีผลใช้บังคับผูกพันจำเลย เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าและโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าจากจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมมอบหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้ของผู้อื่น ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิยึดถือได้จนกว่าหนี้จะหมด
โจทก์มอบอำนาจให้ พ. จำนองที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นประกันหนี้เงินกู้ของ ค. กับจำเลยและได้มอบต้นฉบับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยยึดถือไว้ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนจำนองถือได้ว่าโจทก์ได้ยินยอมมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ของ ค. ที่มีต่อจำเลยเมื่อ ค. ยังเป็นหนี้จำเลยอยู่โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกหนังสือรับรองการทำประโยชน์คืนจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2293/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่อาจบังคับคดีได้ แม้มีประกันหนี้ก็ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ได้
ส. ยืมเงินจำเลยไปโดยมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับพิพาทให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ แต่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ ดังนี้ แม้ ส. จะยังไม่ได้ชำระหนี้แก่จำเลย จำเลยก็ไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ เมื่อหนี้ที่จำเลยอาศัยเป็นมูลเหตุให้ยึดถือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับพิพาทไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดถือหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นไว้เป็นประกันหนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะมีผลสละที่ดินเป็นสาธารณสมบัติ แม้ไม่ได้จดทะเบียน ก็ไม่มีสิทธิยึดถือเป็นของตน
การอุทิศที่ดินให้ใช้เป็นทางสาธารณะ ย่อมเป็นการสละที่ดินให้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304กรณีเช่นนี้หาจำต้องจดทะเบียนอย่างการโอนให้แก่เอกชนไม่ การที่โจทก์ซื้อที่ดินรวมทั้งที่พิพาทซึ่งเจ้าของเดิมได้อุทิศให้เป็นทางสาธารณะแล้ว แม้ที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ดินที่โจทก์ซื้อ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะยึดถือเอาที่พิพาทเป็นของตนได้(อ้างฎีกาที่ 506/2490 และ 640/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดโฉนดโดยสุจริต แต่ขาดความยินยอมจากเจ้าของ สิทธิในการยึดถือไม่มีผล
จำเลยยึดโฉนดที่ดินของโจทก์ไว้โดยสุจริต เชื่อว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ถ. นำมาวางประกันกู้เงินจำเลยซึ่งไม่เป็นความจริงโจทก์เรียกโฉนดคืนจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบที่ดินเพื่อชำระหนี้โดยมิได้จดทะเบียน ไม่ก่อให้เกิดสิทธิยึดถือ เจ้าของกรรมสิทธิมีสิทธิเรียกคืนได้
มอบที่ดินให้เจ้าหนี้ทำกินต่างดอกเบี้ยโดยทำสัญญากันเอง ไม่ได้จดทะเบียนแต่อย่างใด ย่อมไม่มีผลสมบูรณ์ที่จะใช้บังคับให้เกิดสิทธิยึดถือไว้ เมื่อเจ้าของกรรมสิทธิติดตามเอาคืน โดยขอชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ต้องคืนที่ดินให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิไป
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้น จะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300 บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่ และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้น จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.ม.วิแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้.
(อ้างฎีกา 1283/80, 231/82)
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้น จะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300 บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่ และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้น จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.ม.วิแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้.
(อ้างฎีกา 1283/80, 231/82)