พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่สมบูรณ์แต่ใช้ได้เมื่อวงแชร์ล้ม ผู้ทรงเช็คมีสิทธิเรียกเงินได้ทันที
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 10,000 บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยให้การว่าเช็คตามฟ้องไม่สมบูรณ์เพราะจำเลยไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่าย โจทก์หรือบุคคลอื่นไม่ได้ตกลงกับจำเลยให้ลงวันที่สั่งจ่ายตามที่ปรากฏ เช็คพิพาทและเช็คอื่น ๆ อีก 13 ฉบับ ๆ ละ 10,000 บาท จำเลยออกให้ ฮ. หัวหน้าวงแชร์เนื่องจากจำเลยประมูลแชร์ได้ เพื่อให้ ฮ. นำเช็คนั้นไปมอบให้ลูกวงแชร์คนอื่น ๆ ถือไว้เป็นประกัน และ ฮ. ต้องเก็บเงินจากลูกวงมามอบให้จำเลย แต่ ฮ. เก็บเงินมาให้จำเลยขาดไป 28,000 บาท อ้างว่าลูกวงแชร์ยังไม่จ่ายให้แล้วฮ. หลบหนีไป โจทก์เล่นแชร์ด้วยผู้หนึ่งยังไม่ได้ประมูล หากโจทก์ประมูลได้ต้องมอบเช็คให้ ฮ. มาเก็บเงินจากจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธินำไปขึ้นเงิน หากโจทก์รับโอนเช็คก็รับโอนโดยไม่สุจริต ดังนี้ ตามคำให้การจำเลยแสดงว่า ฮ. ได้เก็บเงินค่าแชร์จากโจทก์มอบให้จำเลยไปแล้ว เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่จำเลยยืมตามวิธีเล่นแชร์ซึ่งจำเลยจะต้องใช้คืนโจทก์เมื่อโจทก์ประมูลแชร์ได้ เป็นการจ่ายเช็คโดยมีเจตนาจะให้ผูกพันชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่ตามคำให้การจำเลยแสดงว่าวงแชร์ล้มและนายวงหลบหนี ถือได้ว่าการเล่นแชร์เลิกกันไป โจทก์จึงชอบที่จะเรียกให้จำเลยชำระเงินยืมได้ทันที ดังนั้น ตั้งแต่วันแชร์ล้มโจทก์ชอบที่จะลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คและนำไปขึ้นเงินจากธนาคารได้ ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย และวันสั่งจ่ายที่ลงในเช็คเป็นวันที่ถูกต้องแท้จริง จำเลยผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อโจทก์ตามข้อความในเช็ค ไม่จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงอื่นใดอีกต่อไปอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2339/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การขัดแย้งกันเองของจำเลยทำให้ศาลไม่รับฟัง และโจทก์มีสิทธิเรียกเงินตามเช็คในฐานะผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การรับว่าเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คฉบับพิพาท แต่จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุผลคือ (ก) โจทก์กับผู้มีชื่อ (ผู้ที่โจทก์อ้างว่าโอนเช็คพิพาทให้โจทก์) ร่วมกันเป็นผู้ขายสินค้าให้จำเลย แต่สินค้าเสื่อมคุณภาพจำเลยไม่ต้องชำระราคา และโดยที่จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระค่าสินค้ารายนี้ จำเลยจึงชอบที่จะสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายได้ (ข) หากคดีฟังไม่ได้ตามข้อ (ก) จำเลยก็ขอต่อสู้ว่า โจทก์กับผู้มีชื่อดังกล่าวได้คบคิดกันโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ เพื่อให้มาฟ้องบังคับเอากับจำเลยอันเป็นการฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ตามคำให้การของจำเลยในข้อ (ก) นั้น แม้โจทก์จะมิใช่ผู้รับเช็คไว้จากจำเลย แต่การที่ผู้มีชื่อรับเช็คไว้ก็ถือว่ารับในฐานะร่วมหรือแทนโจทก์นั่นเอง เมื่อโจทก์อยู่ในฐานะผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายร่วมกับผู้มีชื่อเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่มีทางที่โจทก์จะเป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทในลักษณะฉ้อฉลจำเลยตามข้อ (ข) ได้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นคำให้การที่ขัดกันเองและไม่ชอบด้วยเหตุผล ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2 จึงไม่ชอบที่จะนำสืบตามคำให้การของจำเลยได้ เพราะถ้าจะสืบพยานตามคำให้การของจำเลยทั้งสองอย่าง จำเลยก็จะต้องสืบขัดแย้งกันเอง ทำให้รับฟังเป็นความจริงไม่ได้อยู่ในตัว