คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิในการสืบพยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้สัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินต้องระบุรายละเอียดการปฏิเสธลายมือชื่อ หากไม่ทำตามจะสิทธิในการนำสืบพยาน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงิน โดยจำเลยนำเช็คมาขายลดให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คฉบับดังกล่าวไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยทำสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินกับโจทก์ ทั้งไม่เคยนำเช็คมาขายลดให้แก่โจทก์ และไม่เคยได้รับเงินจากโจทก์ คำให้การดังกล่าวเป็นเพียงปฏิเสธลอย ๆ จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบว่า ไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยหากจำเลยสืบพยานก็ต้องห้ามมิให้รับฟังเพราะคำให้การของจำเลยไม่มีรายละเอียดแห่งการปฏิเสธ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3846/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์เอกสารปลอม แม้ไม่ได้ยกข้อต่อสู้ไว้ก่อน
การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่า โจทก์ที่ 2 ไม่ได้ไปสำนักงานที่ดินอำเภอ ในวันทำสัญญาซื้อขายที่ดินตามหนังสือสัญญาขายที่ดิน และไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงมีลายมือชื่อโจทก์ที่ 2 ปรากฏอยู่ในเอกสารดังกล่าวนั้น เป็นการนำสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าหนังสือสัญญาขายที่ดินเป็นเอกสารปลอม จำเลยจึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้เช่นนั้นตาม ป.วิ.พ.มาตรา 94 วรรคสอง
โจทก์ทั้งสี่เพียงแต่บรรยายฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะส่วนตัวมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ร่วมกับ จ.และจำเลยโดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับหนังสือสัญญาขายที่ดิน เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามฟ้อง จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะต้องให้การถึงหนังสือสัญญาขายที่ดินที่โจทก์ไม่ได้บรรยายมาในฟ้องนั้น และเมื่อต่อมาโจทก์นำหนังสือสัญญาขายที่ดินมาสืบเป็นพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาเพื่อสนับสนุนข้ออ้างของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบให้เห็นว่า หนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.3 เป็นเอกสารปลอมเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของจำเลยตามที่ได้ให้การไว้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามฟ้องแต่เพียงผู้เดียวได้ แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าหนังสือสัญญาขายที่ดินเป็นเอกสารปลอมก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้ระบุรับเงินแล้ว โจทก์ก็มีสิทธิสืบพยานว่ายังไม่ได้ชำระเงินได้ หากมีการทำสัญญากำหนดชำระเงินภายหลัง
ตัวแทนของโจทก์ทำสัญญาขายที่ดินให้จำเลย ในสัญญาระบุไว้ด้วยว่าผู้ซื้อได้ชำระและผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินแล้วต่อมาตัวแทนโจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญากันอีกฉบับหนึ่งมีใจความว่า ได้ตกลงขายที่ดินดังกล่าวให้จำเลย แต่ยังไม่ได้ชำระราคาที่ดินต่อกันโดยผู้ขายยอมโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อไปก่อนและผู้ซื้อจะชำระค่าที่ดินให้ภายในกำหนดวันที่ระบุไว้ ดังนี้ แม้ในสัญญาฉบับแรกจะได้ระบุไว้ว่าผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินแล้ว โจทก์ก็ยังมีสิทธินำสืบได้ว่าได้มีการตกลงทำสัญญาอีกฉบับหนึ่งแก้ไขหนังสือสัญญาขายที่ดินเดิมในเรื่องเงินค่าที่ดินว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระให้และจะชำระกันอย่างไร ไม่เป็นการนำพยานบุคคลมาสืบเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเพิ่มเติมและสัญญาต่างตอบแทนพิเศษ: สิทธิในการนำสืบพยาน
ทำสัญญาเช่าห้องแถวสองชั้นฉบับแรกมีกำหนด 3 ปี.ระหว่างอายุสัญญาเช่าได้ทำสัญญาอีก 1 ฉบับ โดยผู้ให้เช่ารับจะให้เช่าห้องดังกล่าวต่อจากสัญญาเช่าฉบับแรกอีก 9ปี และผู้เช่ารับภาระซ่อมแซมต่อเติมพื้นประตู.และทำชั้นที่สามเพิ่ม ทั้งได้ทำการเหล่านี้แล้ว. สัญญาฉบับหลังย่อมเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือไปจากสัญญาเช่าธรรมดา. ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ต้องมีเอกสารมาแสดงหรือบังคับให้จดทะเบียน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาที่แท้จริงของสัญญาเช่า: สิทธิในการนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์ว่าสัญญาเช่าเป็นเพียงอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดิน แล้วจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินนั้นในวันเดียวกัน ต่อมาเมื่อพ้นกำหนดไถ่คืนแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ดิน. จำเลยต่อสู้ว่า ความจริงเป็นเรื่องกู้เงินโดยเอาที่ดินเป็นประกันส่วนการเช่าที่ดินนั้นเป็นการเลี่ยงกฎหมาย เผื่อถ้าจำเลยไถ่ที่ดินคืนจะได้คิดแทนดอกเบี้ยซึ่งเกินกว่าอัตราในกฎหมายคดีนี้จำเลยไม่ได้ไถ่ที่ดินคืน และจำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่เช่าที่ดินที่เช่าเป็นที่ว่างเปล่าไม่ควรมีค่าเช่าถึงอัตราที่กำหนดเป็นค่าเช่ากันไว้เช่นนี้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้มีเจตนาที่จะให้ผูกพันด้วยการเช่ากันจริงๆ จำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานมาสืบได้