พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118-1119/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามลักลอบนำเข้าสินค้าต้องควบคุมและหลีกเลี่ยงภาษี การลงโทษตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
จำเลยนำสินค้าควบคุมจากเขตจังหวัดอื่นเข้ามาในเขตท้องที่จังหวัดที่มีการประกาศเขตควบคุม แม้จะปรากฏว่าสินค้ายังอยู่ในเรือที่ได้บรรทุกมายังไม่มีการขนถ่ายสินค้าก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดแล้ว
จำเลยร่วมกันพยายามนำสินค้า สบู่ ผ้า บุหรี่ และไม้อัดซึ่งมิได้ผ่านด่านศุลกากร โดยถูกต้องออกไปนอกราชอาณาจักรและร่วมกันขนย้ายสบู่อันเป็นสินค้าควบคุมในท้องที่จังหวัดตราดทางทะเลกับร่วมกันขนย้ายผ้าและบุหรี่อันเป็นสิ่งของที่อยู่ในความควบคุมทางทะเลจากท้องที่จังหวัดอื่นเข้ามาในเขตจังหวัดตราดทางทะเล การกระทำของจำเลยในสินค้าแต่ละประเภทเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องแยกประเภทสินค้าออกเป็นกระทงความผิดแล้วลงโทษบทหนัก
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งบทมาตราความผิดและกำหนดโทษเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรมาตรา 27 ไม่ว่าจะเป็นพยายามกระทำความผิดหรือกระทำความผิดสำเร็จก็ตาม กฎหมายได้กำหนดโทษไว้เท่ากันคือความผิดครั้งหนึ่งให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งปรับทั้งจำ เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบทพระราชบัญญัติศุลกากรจึงเป็นบทหนักกว่าพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นในภาวะคับขัน
จำเลยร่วมกันพยายามนำสินค้า สบู่ ผ้า บุหรี่ และไม้อัดซึ่งมิได้ผ่านด่านศุลกากร โดยถูกต้องออกไปนอกราชอาณาจักรและร่วมกันขนย้ายสบู่อันเป็นสินค้าควบคุมในท้องที่จังหวัดตราดทางทะเลกับร่วมกันขนย้ายผ้าและบุหรี่อันเป็นสิ่งของที่อยู่ในความควบคุมทางทะเลจากท้องที่จังหวัดอื่นเข้ามาในเขตจังหวัดตราดทางทะเล การกระทำของจำเลยในสินค้าแต่ละประเภทเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องแยกประเภทสินค้าออกเป็นกระทงความผิดแล้วลงโทษบทหนัก
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งบทมาตราความผิดและกำหนดโทษเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรมาตรา 27 ไม่ว่าจะเป็นพยายามกระทำความผิดหรือกระทำความผิดสำเร็จก็ตาม กฎหมายได้กำหนดโทษไว้เท่ากันคือความผิดครั้งหนึ่งให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งปรับทั้งจำ เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบทพระราชบัญญัติศุลกากรจึงเป็นบทหนักกว่าพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นในภาวะคับขัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118-1119/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามนำเข้าสินค้าหลีกเลี่ยงภาษี และขนย้ายสินค้าควบคุม ความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ศาลปรับบทลงโทษ
จำเลยนำสินค้าควบคุมจากเขตจังหวัดอื่นเข้ามาในเขตท้องที่จังหวัดที่มีการประกาศเขตควบคุม แม้จะปรากฏว่าสินค้ายังอยู่ในเรือที่ได้บรรทุกมายังไม่มีการขนถ่ายสินค้าก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดแล้ว
จำเลยร่วมกันพยายามนำสินค้า สบู่ ผ้า บุหรี่ และไม้อัดซึ่งมิได้ผ่านด่านศุลกากร โดยถูกต้องออกไปนอกราชอาณาจักรและร่วมกันขนย้ายสบู่อันเป็นสินค้าควบคุมในท้องที่จังหวัดตราดทางทะเลกับร่วมกันขนย้ายผ้าและบุหรี่อันเป็นสิ่งของที่อยู่ในความควบคุมทางทะเลจากท้องที่จังหวัดอื่นเข้ามาในเขตจังหวัดตราดทางทะเล การกระทำของจำเลยในสินค้าแต่ละประเภทเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องแยกประเภทสินค้าออกเป็นกระทงความผิดแล้วลงโทษบทหนัก
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งบทมาตราความผิดและกำหนดโทษเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรมาตรา 27 ไม่ว่าจะเป็นพยายามกระทำความผิดหรือกระทำความผิดสำเร็จก็ตาม กฎหมายได้กำหนดโทษไว้เท่ากันคือความผิดครั้งหนึ่งให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งปรับทั้งจำ เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบทพระราชบัญญัติศุลกากรจึงเป็นบทหนักกว่าพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นในภาวะคับขัน.
จำเลยร่วมกันพยายามนำสินค้า สบู่ ผ้า บุหรี่ และไม้อัดซึ่งมิได้ผ่านด่านศุลกากร โดยถูกต้องออกไปนอกราชอาณาจักรและร่วมกันขนย้ายสบู่อันเป็นสินค้าควบคุมในท้องที่จังหวัดตราดทางทะเลกับร่วมกันขนย้ายผ้าและบุหรี่อันเป็นสิ่งของที่อยู่ในความควบคุมทางทะเลจากท้องที่จังหวัดอื่นเข้ามาในเขตจังหวัดตราดทางทะเล การกระทำของจำเลยในสินค้าแต่ละประเภทเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องแยกประเภทสินค้าออกเป็นกระทงความผิดแล้วลงโทษบทหนัก
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งบทมาตราความผิดและกำหนดโทษเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรมาตรา 27 ไม่ว่าจะเป็นพยายามกระทำความผิดหรือกระทำความผิดสำเร็จก็ตาม กฎหมายได้กำหนดโทษไว้เท่ากันคือความผิดครั้งหนึ่งให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งปรับทั้งจำ เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบทพระราชบัญญัติศุลกากรจึงเป็นบทหนักกว่าพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นในภาวะคับขัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในคดีสินค้าควบคุม: น้ำตาลทรายไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด
น้ำตาลทรายอันเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดที่จำเลยไม่นำออกจำหน่าย หรือเสนอขายตามปกติ และปฏิเสธไม่ยอมจำหน่ายนั้น หาใช่ทรัพย์สินที่ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด อันพึงจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 31 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3531/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกักตุนสินค้าควบคุมและมีสินค้าเกินปริมาณที่กำหนด ผู้กระทำผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย
ความผิดฐานกักตุนสินค้าควบคุม.ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522เป็นเรื่องมีสินค้าควบคุมไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะกรรมการตามมาตรา 24 (14)จำเลยมีน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมไว้เกินกำหนด จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 30, 45 ด้วยแต่เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดโดยไม่ขออนุญาตตามมาตรา 24 (14), 43
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3531/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกักตุนสินค้าควบคุม: จำเลยมีสินค้าเกินปริมาณที่ประกาศและไม่ขออนุญาต
ความผิดฐานกักตุนสินค้าควบคุม.ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522เป็นเรื่องมีสินค้าควบคุมไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะกรรมการตามมาตรา 24(14)จำเลยมีน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมไว้เกินกำหนด จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 30,45 ด้วยแต่เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดโดยไม่ขออนุญาตตามมาตรา 24(14),43
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612-613/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าสินค้าควบคุม: การได้รับอนุญาตหลังนำเข้าไม่เป็นความผิด หากไม่มีเจตนาฉ้อภาษี
จำเลยสั่งซื้อกาแฟจากต่างประเทศก่อนมีประกาศควบคุม ภายหลังมีประกาศควบคุม จำเลยได้ยื่นคำขอและได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จำเลยย่อมไม่มีความผิด
แม้พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16 ซึ่งบัญญัติเป็นความผิดโดยมิต้องคำนึงว่าผู้กระทำมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่จำเลยจะต้องมีเจตนาฉ้อภาษีอยู่ด้วย จึงจะผิดตามนัยฎีกาที่ 942/2503
แม้พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16 ซึ่งบัญญัติเป็นความผิดโดยมิต้องคำนึงว่าผู้กระทำมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่จำเลยจะต้องมีเจตนาฉ้อภาษีอยู่ด้วย จึงจะผิดตามนัยฎีกาที่ 942/2503
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าสินค้าควบคุมโดยสำคัญผิดและผู้ร่วมกระทำผิด: ทัพพีจากเครื่องจักรเข้าข่ายสิ่งหัตถกรรม
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้สั่งของต้องห้ามจากต่างประเทศแทนจำเลย ที่ 1 โดยมิได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการก่อน แม้จะอ้างว่าสำคัญผิดว่า ของที่สั่งมานั้น ไม่ใช่ของต้องห้าม ก็ยังคงต้องมีความผิด กรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยทั้งสอง เป็นผู้ร่วมกันกระทำผิด
ทัพพีแม้ จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่า เป็นสิ่งหัตถกรรมการความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวง เศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2503)
ทัพพีแม้ จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่า เป็นสิ่งหัตถกรรมการความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวง เศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าสินค้าควบคุมโดยสำคัญผิดและความรับผิดของกรรมการบริษัท
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้สั่งของต้องห้ามจากต่างประเทศแทนจำเลยที่ 1 โดยมิได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการก่อน แม้จะอ้างว่าสำคัญผิดว่าของที่สั่งมานั้นไม่ใช่ของต้องห้ามก็ยังคงต้องมีความผิด กรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันกระทำผิด
ทัพพีแม้จะเป็นสิ่งประดิษฐ์จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่าเป็นสิ่งหัตถกรรมตามความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2503)
ทัพพีแม้จะเป็นสิ่งประดิษฐ์จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่าเป็นสิ่งหัตถกรรมตามความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค จำเป็นต้องบรรยายรายละเอียดให้ชัดเจนว่าสินค้าที่ถูกกล่าวหามีสถานะเป็นสินค้าควบคุมจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคว่า จำเลยขายข้าวสารเหนียวให้แก่ผู้ไม่มีบัตรปันส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการจังหวัดสงขลา แต่ในฟ้องไม่ได้บรรยายให้ปรากฏว่าข้าวสารเหนียวเป็นของที่คณะกรรมการประกาศควบคุมและคณะกรรมการได้ตั้งคณะกรรมการจังหวัดสงขลาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการควบคุมข้าวเหนียวนั้นแทน ฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงทั้งสองประการนั้น ทั้งประกาศคณะกรรมการจังหวัดสงขลาจะมีข้อความกล่าวอ้างอาศัยอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายอย่างใด โจทก์มิได้ยื่นสำเนาให้ปรากฏ ดังนี้ถือว่าฟ้องยังไม่พอฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมสินค้า: ฟ้องไม่สมบูรณ์หากไม่แสดงประกาศควบคุมสินค้าในฟ้อง
การควบคุมสิ่งของตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ นั้น คณะกรรมการตาม พ.ร.บ.นี้ จะต้องประกาศเสียก่อนว่า สิ่งของใดบ้างอยู่ในความควบคุม แล้วจึงจะแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการต่อไป สิ่งของใดบ้างที่คณะกรรมการประกาศควบคุมนั้นเป็นข้อเท็จจริง ซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายมาในฟ้อง คดีนี้ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงความข้อนี้ ทั้งไม่ได้คัดสำเนาประกาศของคณะกรรมการมาท้ายฟ้อง ซึ่งพอจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องด้วย เป็นแต่เพียงอ้างชื่อประกาศลงไว้ท้ายฟ้องเท่านั้น จึงไม่เป็นการเพียงพอ ไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์อันจะลงโทษจำเลยได้