พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนถือครองที่ดิน: สิทธิการอ้างอายุความไม่มีผลเมื่อที่ดินเป็นสินบริคณฑ์
เมื่อจำเลยมีชื่อในโฉนดที่ดินในฐานะตัวแทนเท่านั้นจำเลยจึงไม่มีฐานะ อะไรที่จะยกเอาอายุความขึ้นอ้าง เพื่อจะเอาที่ดินเป็นของตนเองเสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินสินบริคณฑ์โมฆียะเมื่อทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคู่สมรส การบอกล้างสิทธิและผลกระทบต่อค่าเสียหาย
ที่พิพาทเป็นมรดกได้มาระหว่างจำเลยกับสามีเป็นสามีภรรยากันจึงเป็นสินบริคณฑ์เมื่อจำเลยเอาที่พิพาทไปขายให้โจทก์โดยสามีไม่รู้เห็น สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นโมฆียะ เมื่อสามีบอกล้างตกเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายแก่จำเลย
แม้ว่าโจทก์ได้บอกขายที่พิพาทแก่บุคคลภายนอก แต่สัญญานั้นมีข้อความว่าเมื่อมีเหตุที่โจทก์จะขายให้ไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใด โจทก์ไม่ต้องรับผิดใช่ค่าปรับหรือค่าเสียหาย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายพิเศษอย่างใดที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยแต่เงิน (มัดจำ) ที่จำเลยรับว่าได้รับจากโจทก์ไปเท่าใดนั้นต้องคืนให้โจทก์
แม้ว่าโจทก์ได้บอกขายที่พิพาทแก่บุคคลภายนอก แต่สัญญานั้นมีข้อความว่าเมื่อมีเหตุที่โจทก์จะขายให้ไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใด โจทก์ไม่ต้องรับผิดใช่ค่าปรับหรือค่าเสียหาย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายพิเศษอย่างใดที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยแต่เงิน (มัดจำ) ที่จำเลยรับว่าได้รับจากโจทก์ไปเท่าใดนั้นต้องคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายสินบริคณฑ์โมฆียะเมื่อสามีไม่ยินยอมและบอกล้างได้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่มี
ที่พิพาทเป็นมรดกได้มาระหว่างจำเลยกับสามีเป็นสามีภรรยากันจึงเป็นสินบริคณฑ์เมื่อจำเลยเอาที่พิพาทไปขายให้โจทก์โดยสามีไม่รู้เห็น สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นโมฆียะเมื่อสามีบอกล้างแล้วตกเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรกคู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายแก่จำเลย
แม้ว่าโจทก์ได้บอกขายที่พิพาทแก่บุคคลภายนอกแต่สัญญานั้นมีข้อความว่าเมื่อมีเหตุที่โจทก์จะขายให้ไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใดโจทก์ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าปรับหรือค่าเสียหาย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายพิเศษอย่างใดที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลย แต่เงิน (มัดจำ)ที่จำเลยรับว่าได้รับจากโจทก์ไปเท่าใดนั้นต้องคืนให้โจทก์
แม้ว่าโจทก์ได้บอกขายที่พิพาทแก่บุคคลภายนอกแต่สัญญานั้นมีข้อความว่าเมื่อมีเหตุที่โจทก์จะขายให้ไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใดโจทก์ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าปรับหรือค่าเสียหาย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายพิเศษอย่างใดที่จะเรียกร้องเอาแก่จำเลย แต่เงิน (มัดจำ)ที่จำเลยรับว่าได้รับจากโจทก์ไปเท่าใดนั้นต้องคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายัติทรัพย์ก่อนคำพิพากษา: สินบริคณฑ์เปลี่ยนเป็นสินส่วนตัว, เหตุอันควร, และการคุ้มครองสิทธิโจทก์
ในเรื่องขออายัติทรัพย์ก่อนคำพิพากสา ได้ความว่าทรัพย์นั้น เดิมเปนสินบริคนห์ พายหลังจำเลยทำสัญญาแยกสินบริคนห์ให้เปนสินส่วนตัวของสามีนั้น สาลยังไม่จำต้องวินิจฉัยเรื่องสัญญา ถือว่าเปนทรัพย์ที่ขออายัติได้
ในเวลายื่นคำร้องขออายัติทรัพย์เปนของจำเลย แม้ต่อมาจะถูกโอนไปก็อยู่ในข่ายขออายัติได้ และการที่จำเลยกะทำการให้มีการโอนไปนั้นถือว่าเปนเหตุอันควนให้อายัติได้
ในเวลายื่นคำร้องขออายัติทรัพย์เปนของจำเลย แม้ต่อมาจะถูกโอนไปก็อยู่ในข่ายขออายัติได้ และการที่จำเลยกะทำการให้มีการโอนไปนั้นถือว่าเปนเหตุอันควนให้อายัติได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายัดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา แม้มีการโอนทรัพย์หลังยื่นคำร้อง ก็อายัดได้ หากเป็นการกระทำที่น่าเชื่อถือ
ในเรื่องขออายัดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา ได้ความว่าทรัพย์นั้นเดิมเป็นสินบริคณฑ์ ภายหลังจำเลยทำสัญญาแยกสินบริคณฑ์ให้เป็นสินส่วนตัวของสามีนั้น ศาลยังไม่จำต้องวินิจฉัยเรื่องสัญญา ถือว่าเป็นทรัพย์ที่ขออายัดได้ ในเวลายื่นคำร้องขออายัดทรัพย์เป็นของจำเลย แม้ต่อมาจะถูกโอนไปก็อยู่ในข่ายขออายัดได้ และการที่จำเลยกระทำการให้มีการโอนไปนั้นถือว่าเป็นเหตุอันควรให้อายัดได้