พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4790/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกประเภทอาวุธปืนและสิ่งเทียมอาวุธปืน, การสืบพยานเพิ่มเติมแม้จำเลยรับสารภาพ, และอำนาจย้อนสำนวนของศาล
ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ระบุว่า จำเลยมีและพกพาอาวุธปืนแบลงก์กัน ขนาด 9 มม. P.A.K. ผลิตเลียนแบบปืนพกออโตเมติก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน เลขหมายประจำปืน 0000170629 พร้อมซองกระสุนปืน 1 อัน และกระสุนปืนออโตเมติก (BLANK) ขนาด 9 มม. P.A. 16 นัด ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ซึ่งจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของว่าของกลางถูกผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบอาวุธปืนพกออโตเมติก ของกลางดังกล่าวจึงอาจเป็นเพียงสิ่งซึ่งมีรูปและลักษณะอันน่าจะทำให้หลงเชื่อว่าเป็นอาวุธปืนเพราะเกิดจากการกระทำเลียนแบบ แม้โจทก์จะกล่าวอ้างว่าของกลางดังกล่าวเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย และเมื่อศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องโดยโจทก์จำเลยต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยานก็ตาม แต่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง หาได้มีความหมายว่า ในชั้นพิจารณา คดีที่มิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นดังเช่นคดีนี้ ถ้าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจะต้องพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปเท่านั้นไม่ หากศาลเห็นว่ากรณีมีข้อสงสัยว่าจำเลยอาจมิได้กระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยอาจไม่เป็นความผิด ศาลชั้นต้นก็ควรใช้อำนาจของศาลค้นหาความจริงด้วยการสืบพยานเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวจนสิ้นกระแสความเสียก่อนที่จะมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 228 หรือศาลอุทธรณ์ภาค 7 อาจมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เพื่อวินิจฉัยต่อไปตามมาตรา 208 (1) ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจทำให้ผลแห่งคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะของกลางที่เป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนกับสิ่งเทียมอาวุธปืนมีความรับผิดทางอาญาตามข้อหาที่โจทก์ฟ้องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อคดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้วก็ชอบที่ศาลฎีกาจะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานและพิพากษาใหม่ ทั้งนี้ ป.วิ.อ. มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2567
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปืนแบลงค์กันไม่ใช่ 'อาวุธปืน' ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แต่เป็น 'สิ่งเทียมอาวุธปืน' การครอบครองไม่ผิดกฎหมาย
แม้โจทก์ฟ้องว่า ปืนแบลงค์กันของกลางเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำอันตรายแก่ร่างกายได้ และจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลอาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องได้โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานต่อไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ปืนแบลงค์กันของกลางเป็นอาวุธปืนตามมาตรา 4 (1) หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนตามมาตรา 4 (5) แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แล้วส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 208 (1) เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนพยานเพิ่มเติมเสร็จแล้ว ศาลฎีกาย่อมรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้
เมื่อปืนแบลงค์กันของกลางไม่มีการดัดแปลงลำกล้อง สภาพภายในลำกล้องมีเหล็กแกนขวางไม่อาจส่งกระสุนออกมาจากลำกล้องได้ ไม่สามารถใช้ร่วมกับกระสุนปืนจริงได้ เมื่อยิงกับกระสุนปืนแบลงค์กันมีผลเพียงเกิดเสียง เปลวไฟ แรงระเบิด แรงดัน จากการเผาไหม้ดินดอกไม้เพลิงพุ่งออกมาจากปลายลำกล้องเท่านั้น ไม่มีหัวกระสุนปืนออกจากปากลำกล้อง แสดงให้เห็นจุดประสงค์ในการทำหรือประกอบปืนแบลงค์กันขึ้นโดยมิได้ให้เป็นอาวุธปืนที่ใช้ส่งเครื่องกระสุนปืน โดยประสงค์ใช้ยิงให้เกิดเสียงดังและมีเปลวไฟจากการยิงเท่านั้น หากไม่ได้ยิงในระยะประชิดหรือเป็นรัศมีแรงระเบิดหรือกำลังดันของดินดอกไม้เพลิง ก็ไม่มีอานุภาพรุนแรงที่สามารถทำอันตรายแก่กาย ชีวิต หรือวัตถุได้ ดังเช่นอาวุธปืนทั่วไป จึงไม่เข้าตามบทนิยามคำว่า "อาวุธปืน" ตามมาตรา 4 (1) แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ การมีรูปร่างลักษณะอันน่าจะทำให้คนทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นอาวุธปืนโดยสภาพ จึงเป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธปืนตามมาตรา 4 (5) แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร และฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน
เมื่อปืนแบลงค์กันของกลางไม่มีการดัดแปลงลำกล้อง สภาพภายในลำกล้องมีเหล็กแกนขวางไม่อาจส่งกระสุนออกมาจากลำกล้องได้ ไม่สามารถใช้ร่วมกับกระสุนปืนจริงได้ เมื่อยิงกับกระสุนปืนแบลงค์กันมีผลเพียงเกิดเสียง เปลวไฟ แรงระเบิด แรงดัน จากการเผาไหม้ดินดอกไม้เพลิงพุ่งออกมาจากปลายลำกล้องเท่านั้น ไม่มีหัวกระสุนปืนออกจากปากลำกล้อง แสดงให้เห็นจุดประสงค์ในการทำหรือประกอบปืนแบลงค์กันขึ้นโดยมิได้ให้เป็นอาวุธปืนที่ใช้ส่งเครื่องกระสุนปืน โดยประสงค์ใช้ยิงให้เกิดเสียงดังและมีเปลวไฟจากการยิงเท่านั้น หากไม่ได้ยิงในระยะประชิดหรือเป็นรัศมีแรงระเบิดหรือกำลังดันของดินดอกไม้เพลิง ก็ไม่มีอานุภาพรุนแรงที่สามารถทำอันตรายแก่กาย ชีวิต หรือวัตถุได้ ดังเช่นอาวุธปืนทั่วไป จึงไม่เข้าตามบทนิยามคำว่า "อาวุธปืน" ตามมาตรา 4 (1) แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ การมีรูปร่างลักษณะอันน่าจะทำให้คนทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นอาวุธปืนโดยสภาพ จึงเป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธปืนตามมาตรา 4 (5) แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร และฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน