พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3742/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติมและการพิจารณาค่าขึ้นศาลในคดีที่มีทุนทรัพย์น้อยกว่า 200,000 บาท
คดีนี้เป็นคดีที่ผู้ร้องแต่ละคนและผู้คัดค้านที่ 1 ต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตาม ป.วิ.พ.มาตรา 55 การพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีสำหรับผู้ร้องแต่ละคนและผู้คัดค้านที่ 1 ต้องพิจารณาแต่ละคนแยกกัน เมื่อปรากฏว่าราคาที่ดินที่ผู้ร้องแต่ละคนและผู้คัดค้านที่ 1 เรียกร้องว่าเป็นของตนนั้นมีราคาไม่เกิน200,000 บาท จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาทผู้ร้องแต่ละคนและผู้คัดค้านที่ 1 จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 86 วรรคสาม ในกรณีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เมื่อศาลเห็นว่าเป็นการจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติม ศาลจะเรียกอะไรมาเป็นพยานหลักฐานเพื่อประกอบคดีอีกก็ได้ แม้จะเป็นพยานหลักฐานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนซึ่งศาลสั่งงดสืบพยานไปแล้วก็ตาม
คดีนี้ศาลชั้นต้นหยิบยกเหตุผลในคำสั่งว่า หากศาลสูงไม่เห็นด้วยกับคำสั่งที่ตัดพยานผู้ร้อง ก็อาจย้อนสำนวนมาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่คู่ความทุกฝ่าย ฝ่ายผู้คัดค้านที่ได้ทำการสืบพยานไปบ้างแล้วก็ได้สืบพยานอย่างเต็มที่ ทั้งผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ก็ร้องขอครอบครองปรปักษ์อยู่ด้วยผู้ร้องหรือผู้คัดค้านจะนำพยานเข้าสืบก่อนหรือหลังก็ไม่ทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบกันแต่อย่างใด นอกจากนี้พยานผู้คัดค้านก็ยังสืบไม่เสร็จ ซึ่งผู้คัดค้านมีสิทธินำพยานเข้าสืบได้อีกจนสิ้นกระแสความ ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้ผู้ร้องทั้งห้านำพยานเข้าสืบได้ภายหลังที่ได้สืบพยานผู้คัดค้านทั้งสามเสร็จสิ้น และปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่ผู้คัดค้านทั้งสามถามค้านพยานผู้ร้องทั้งห้าแล้ว แต่ผู้คัดค้านทั้งสามไม่ติดใจถามค้านเอง คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการปฏิบัติไปโดยชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 86วรรคสาม
ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายของผู้คัดค้านทั้งสาม เพียงขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เดินเผชิญสืบตามคำร้องของผู้ร้องทั้งห้า และคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องทั้งห้ายื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมและคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องทั้งห้าสืบพยานหลังจากสืบพยานผู้คัดค้านทั้งสามเสร็จเรียบร้อยแล้วเท่านั้น มิได้ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้คัดค้านทั้งสามชนะคดีมากกว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยอาศัยข้ออ้างตามปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว เป็นฎีกาที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ผู้คัดค้านแต่ละคนต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาคนละ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2(ข) ท้าย ป.วิ.พ. แต่ผู้คัดค้านทั้งสามเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีการวมกันมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่ผู้คัดค้านทั้งสาม
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 86 วรรคสาม ในกรณีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เมื่อศาลเห็นว่าเป็นการจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติม ศาลจะเรียกอะไรมาเป็นพยานหลักฐานเพื่อประกอบคดีอีกก็ได้ แม้จะเป็นพยานหลักฐานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนซึ่งศาลสั่งงดสืบพยานไปแล้วก็ตาม
คดีนี้ศาลชั้นต้นหยิบยกเหตุผลในคำสั่งว่า หากศาลสูงไม่เห็นด้วยกับคำสั่งที่ตัดพยานผู้ร้อง ก็อาจย้อนสำนวนมาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่คู่ความทุกฝ่าย ฝ่ายผู้คัดค้านที่ได้ทำการสืบพยานไปบ้างแล้วก็ได้สืบพยานอย่างเต็มที่ ทั้งผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ก็ร้องขอครอบครองปรปักษ์อยู่ด้วยผู้ร้องหรือผู้คัดค้านจะนำพยานเข้าสืบก่อนหรือหลังก็ไม่ทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบกันแต่อย่างใด นอกจากนี้พยานผู้คัดค้านก็ยังสืบไม่เสร็จ ซึ่งผู้คัดค้านมีสิทธินำพยานเข้าสืบได้อีกจนสิ้นกระแสความ ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้ผู้ร้องทั้งห้านำพยานเข้าสืบได้ภายหลังที่ได้สืบพยานผู้คัดค้านทั้งสามเสร็จสิ้น และปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่ผู้คัดค้านทั้งสามถามค้านพยานผู้ร้องทั้งห้าแล้ว แต่ผู้คัดค้านทั้งสามไม่ติดใจถามค้านเอง คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการปฏิบัติไปโดยชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 86วรรคสาม
ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายของผู้คัดค้านทั้งสาม เพียงขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เดินเผชิญสืบตามคำร้องของผู้ร้องทั้งห้า และคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องทั้งห้ายื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมและคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องทั้งห้าสืบพยานหลังจากสืบพยานผู้คัดค้านทั้งสามเสร็จเรียบร้อยแล้วเท่านั้น มิได้ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้คัดค้านทั้งสามชนะคดีมากกว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยอาศัยข้ออ้างตามปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว เป็นฎีกาที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ผู้คัดค้านแต่ละคนต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาคนละ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2(ข) ท้าย ป.วิ.พ. แต่ผู้คัดค้านทั้งสามเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีการวมกันมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่ผู้คัดค้านทั้งสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3742/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติมหลังงดสืบพยานเดิม และการฎีกาที่เกินกรอบคำขอศาล, ครอบครองปรปักษ์
ผู้ร้องแต่ละคนและผู้คัดค้านต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินการพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีสำหรับผู้ร้องแต่ละคนและผู้คัดค้านต้องพิจารณาแต่ละคนแยกกันเมื่อราคาทรัพย์สินที่ผู้ร้องแต่ละคนและผู้คัดค้านเรียกร้องในชั้นฎีกาซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทกันชั้นฎีกาไม่เกิน200,000บาทผู้ร้องแต่ละคนและผู้คัดค้านจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเป็นการจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติมศาลจะเรียกอะไรมาเป็นพยานหลักฐานเพื่อประกอบคดีอีกก็ได้แม้เป็นพยานหลักฐานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนซึ่งศาลสั่งงดสืบพยานไปแล้วก็อยู่ในอำนาจที่จะกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา86 ฎีกาผู้คัดค้านเพียงแต่ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เดินเผชิญสืบและที่อนุญาตให้ผู้ร้องยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมกับให้ผู้ร้องสืบพยานหลังจากสืบพยานผู้คัดค้านเสร็จมิได้ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้คัดค้านชนะคดีมากกว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา200บาทตามตาราง1ข้อ2(ข)ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดสืบพยานในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลฎีกาชี้ว่าต้องสืบพยานประเด็นเพิ่มเติม หากมีข้อพิพาทนอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ยุติในคดีอาญา
การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานแล้วฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาและพิพากษายกฟ้องนั้น เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 24 ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามป.วิ.พ. มาตรา 227 โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโดยไม่ต้องโต้แย้งไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226
คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยเป็นมูลคดีเดียวกับคดีอาญาที่โจทก์เคยเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการฟ้องจำเลยว่าจำเลยร่วมกับ ล.ฉ้อโกงโจทก์ จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ซึ่งในคดีส่วนอาญานั้น ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วโดยฟังข้อเท็จจริงว่า ที่จำเลยรับเงินจาก ล. เป็นการรับชำระหนี้ค่าซื้อเชื่อทอง ฉะนั้น จากข้อเท็จจริงที่ฟังยุติดังกล่าว จำเลยจึงรับเงินไว้โดยมีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ มิใช่รับไว้ในฐานลาภมิควรได้อย่างไรก็ตาม นอกจากโจทก์จะฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้แล้ว ยังฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยโดยอ้างเหตุตาม ป.พ.พ. มาตรา 1331 ด้วย คดียังมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวอยู่ ซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้สืบพยานฟังข้อเท็จจริงให้ยุติ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบ
คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยเป็นมูลคดีเดียวกับคดีอาญาที่โจทก์เคยเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการฟ้องจำเลยว่าจำเลยร่วมกับ ล.ฉ้อโกงโจทก์ จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ซึ่งในคดีส่วนอาญานั้น ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วโดยฟังข้อเท็จจริงว่า ที่จำเลยรับเงินจาก ล. เป็นการรับชำระหนี้ค่าซื้อเชื่อทอง ฉะนั้น จากข้อเท็จจริงที่ฟังยุติดังกล่าว จำเลยจึงรับเงินไว้โดยมีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ มิใช่รับไว้ในฐานลาภมิควรได้อย่างไรก็ตาม นอกจากโจทก์จะฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้แล้ว ยังฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยโดยอ้างเหตุตาม ป.พ.พ. มาตรา 1331 ด้วย คดียังมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวอยู่ ซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้สืบพยานฟังข้อเท็จจริงให้ยุติ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานหลังจำเลยรับสารภาพ และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งสืบพยานเพิ่มเติม
ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุก ถึง 10 ปี เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้ว แม้จะได้สืบผู้เสียหายไปยังไม่ทันเสร็จ ศาลชั้นต้นจะงดสืบพะยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้ เมื่อเห็นว่าตามฟ้อง คำรับสารภาพของจำเลยและคำพะยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพะยานต่อไป ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม ม. 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามม.208 ข้อ 2. ไม่ได้
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพะยานต่อไป ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม ม. 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามม.208 ข้อ 2. ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานหลังจำเลยรับสารภาพ และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งสืบพยานเพิ่มเติม
ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปีเมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วแม้จะได้สืบผู้เสียหายไปยังไม่ทันเสร็จ
ศาลชั้นต้นจะงดสืบพยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้เมื่อเห็นว่าตามฟ้องคำรับสารภาพของจำเลยและคำพยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพยานต่อไปก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม มาตรา 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตาม มาตรา 208 ข้อ 2 ไม่ได้
ศาลชั้นต้นจะงดสืบพยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้เมื่อเห็นว่าตามฟ้องคำรับสารภาพของจำเลยและคำพยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพยานต่อไปก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม มาตรา 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตาม มาตรา 208 ข้อ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอสืบพยานเพิ่มเติมหลังคู่ความฝ่ายตรงข้ามสืบพยานเสร็จสิ้น ต้องแสดงเหตุจำเป็นตาม ม.88 วรรค 3
คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องสืบพะยานภายหลังจะขออ้างพะยานเพิ่มเติมภายหลังที่ฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องนำสืบก่อนได้สืบพะยานเสร็จแล้วโดยมิได้อ้างเหตุจำเป็นอันสมควรตามวรรค 3 แห่ง ม.88 มิได้ ฎีกาอุทธรณ์ คดีแพ่งทุนทรัพย์ 500 บาท ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมาย