พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินมีผลบังคับใช้ได้ แม้การกู้ยืมส่วนหนึ่งไม่เกิดขึ้นจริง หากมีการกู้ยืมเงินจริงก่อนหน้านั้น
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 500,000 บาท ต่อมาจำเลยได้ติดต่อขอกู้เงินโจทก์อีก 4,000,000 บาท แล้วโจทก์กับจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินโดยระบุรวมเอาจำนวนเงิน 500,000 บาท ที่จำเลยกู้จากโจทก์ไปก่อนหน้านั้นเข้าไว้ด้วย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,500,000 บาท แม้การกู้เงินกันจำนวน 4,000,000 บาท ในภายหลังจะไม่เกิดขึ้น หนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวก็ยังมีผลสมบูรณ์บังคับกันได้ในหนี้จำนวน 500,000 บาท ที่มีการกู้ยืมกันจริง และถือว่าโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีในหนี้เงินกู้ยืมจำนวน 500,000 บาท แล้วตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6930/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้ยืมที่ผู้กู้ลงลายมือชื่อ แม้ผู้ให้กู้ลงลายมือชื่อปลอม ก็ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ ดอกเบี้ยเกิน 5 ปี ไม่ขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 บังคับให้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้กู้ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ โดยมิได้บังคับผู้ให้กู้ต้องลงลายมือชื่อด้วย ดังนั้นเมื่อจำเลยเป็นผู้เขียนหนังสือสัญญากู้เงินและลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้แล้วย่อมฟ้องร้องบังคับคดีได้ แม้ลายมือชื่อผู้ให้กู้ไม่ใช่ลายมือชื่อส. ผู้ให้กู้แต่เป็นลายมือชื่อปลอม ก็หามีผลให้หลักฐานการฟ้องร้องบังคับแก่จำเลยเสียไปไม่ สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยซึ่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 เดิม (มาตรา 193/33 ใหม่)นั้น หมายถึงดอกเบี้ยที่ค้างชำระอยู่ก่อนวันฟ้อง ส่วนดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จนั้น ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างชำระจะใช้มาตรา 166 เดิม (มาตรา 193/33 ใหม่) บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีโดยไม่เปิดเผยเหตุแห่งการปฏิเสธ และการรับฟังพยานหลักฐานจากหนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่มิได้ปิดอากรแสตมป์
คำให้การจำเลยที่ปฏิเสธเพียงว่า บ.ไม่ได้กู้เงินโจทก์หนังสือสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องไม่ถูกต้องและไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย โดยไม่ได้อ้างเหตุตั้งประเด็นไว้ว่า เหตุใด บ.จึงไม่ได้กู้เงินโจทก์ และหนังสือสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องไม่ถูกต้องและไม่สมบูรณ์อย่างไร จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยานตามข้อต่อสู้
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาแต่ต่อมาได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้ว จะโดยผู้อ้างปิดอากรแสตมป์เองหรือผู้อ้างขอให้ศาลสั่งให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจัดการให้ ก็มีผลเช่นเดียวกัน ศาลรับฟังหนังสือสัญญากู้ยืมเงินนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีได้.
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาแต่ต่อมาได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้ว จะโดยผู้อ้างปิดอากรแสตมป์เองหรือผู้อ้างขอให้ศาลสั่งให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจัดการให้ ก็มีผลเช่นเดียวกัน ศาลรับฟังหนังสือสัญญากู้ยืมเงินนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3803/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุมในคดีละเมิดจากการหลอกลวงให้เชื่อว่ามีการกู้ยืมเงินโดยมิชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมาขอกู้ยืมเงินจากโจทก์ โดยเอาหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาให้โจทก์ยึดถือเป็นประกันโจทก์ตกลง ให้กู้ยืมแต่เห็นว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวมีชื่ออ. เป็นเจ้าของที่ดิน จึงมอบหนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่กรอกข้อความ แล้วให้จำเลยเอาไปให้อ.ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ จำเลยนำ หนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวไปแล้วนำมาคืนให้โจทก์โดยใช้อุบาย หลอกลวงโจทก์ว่าอ.ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้แล้วโจทก์หลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลยและยึดถือหนังสือสัญญากู้ยืมเงินไว้ต่อมาเมื่อหนี้ ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินถึงกำหนดชำระแล้ว โจทก์ทวงถามให้ อ. ชำระหนี้แต่อ. ปฏิเสธว่าไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์ลายมือชื่อ อ. ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเป็นลายมือชื่อปลอมการที่จำเลยใช้อุบาย หลอกลวงโจทก์ให้หลงเชื่อดังกล่าวทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาตามที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องเป็นเรื่องที่ขอให้ จำเลยรับผิดในมูลละเมิด เป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหาและ คำขอบังคับตลอดจนข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยแจ้งชัด แม้จะมิได้ส่งสำเนาเอกสารที่กล่าวในคำบรรยายฟ้องมาพร้อม คำฟ้องด้วยคำฟ้องโจทก์ก็ไม่เคลือบคลุม