พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขหนังสือเดินทางเพื่อใช้แทนตนเองถือเป็นการปลอมแปลงเอกสารราชการ
จำเลยเอาหนังสือเดินทาง ซึ่งกระทรวงต่างประเทศออกให้แก่นายสิทธิชัย หอมพวงษ์ มาแก้ไขโดยแกะเอาภาพถ่ายของนายสิทธิชัย หอมพวงษ์ที่ปิดอยู่ในปกด้านในออกแล้วเอาภาพถ่ายของจำเลยปิดลงไปแทนนั้น แม้ภาพถ่ายจะไม่ใช่เอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (7) ก็ตาม แต่เมื่อนำไปปิดลงในหนังสือเดินทางดังกล่าว ย่อมทำให้ความหมายที่แท้จริงของหนังสือเดินทางเปลี่ยน-แปลงไปว่าจำเลย คือ นายสิทธิชัย หอมพวงษ์ และเป็นหนังสือเดินทางที่กระทรวง-การต่างประเทศออกให้แก่จำเลยโดยตรง ภาพถ่ายของจำเลยที่ไม่เป็นเอกสารจึงเกิดเป็นเอกสาร หนังสือเดินทางของนายสิทธิชัย หอมพวงษ์ กลายเป็นหนังสือ-เดินทางของจำเลยเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมแปลงเอกสารราช-การ เมื่อจำเลยนำไปใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเดินทางออกไปและเข้ามาในราชการอาณาจักร ย่อมมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขหนังสือเดินทางผู้อื่นเป็นเอกสารปลอม และความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
การที่จำเลยเอาหนังสือเดินทางซึ่งกระทรวงต่างประเทศออกให้แก่ส.มาแกะเอาภาพถ่ายของส.ที่ปิดอยู่ปกหน้าด้านในออกแล้วเอาภาพถ่ายของจำเลยปิดลงไปแทน แม้ภาพถ่ายจะไม่ใช่เอกสารแต่เมื่อนำไปปิดในหนังสือเดินดังกล่าวย่อมทำให้ความหมายที่แท้จริงเปลี่ยนแปลงไปว่าจำเลยคือนาย ส. และเป็นหนังสือเดินทางที่กระทรวงต่างประเทศออกให้แก่จำเลยโดยตรง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารราชการและเมื่อจำเลยนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเดินทางออกไปและเข้ามาในราชอาณาจักร ย่อมมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมด้วย จำเลยใช้หนังสือเดินทางปลอมดังกล่าวแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทั้งขาเข้าและขาออกคนละคราวกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ครั้งแรกจำเลยปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารปลอมด้วย มีความผิดตามมาตรา 265 และมาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 265 ให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง กระทงหนึ่ง ครั้งที่สองจำเลยเพียงแต่ใช้เอกสารปลอมฉบับเดิม มิได้ทำปลอมขึ้นใหม่มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมอย่างเดียวตามมาตรา268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 264 อีกกระทงหนึ่งเรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขหนังสือเดินทางโดยเปลี่ยนรูปถ่ายถือเป็นการปลอมแปลงเอกสารราชการ
จำเลยเอาหนังสือเดินทาง ซึ่งกระทรวงต่างประเทศออกให้แก่นายสิทธิชัยหอมพวงษ์มาแก้ไขโดยแกะเอาภาพถ่ายของนายสิทธิชัยหอมพวงษ์ที่ปิดอยู่ในปกด้านในออกแล้วเอาภาพถ่ายของจำเลยปิดลงไปแทนนั้น แม้ภาพถ่ายจะไม่ใช่เอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7) ก็ตาม แต่เมื่อนำไปปิดลงในหนังสือเดินทางดังกล่าว ย่อมทำให้ความหมายที่แท้จริงของหนังสือเดินทางเปลี่ยนแปลงไปว่าจำเลย คือ นายสิทธิชัยหอมพวงษ์และเป็นหนังสือเดินทางที่กระทรวงการต่างประเทศออกให้แก่จำเลยโดยตรง ภาพถ่ายของจำเลยที่ไม่เป็นเอกสารจึงเกิดเป็นเอกสารหนังสือเดินทางของนายสิทธิชัยหอมพวงษ์ กลายเป็นหนังสือเดินทางของจำเลยเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมแปลงเอกสารราชการเมื่อจำเลยนำไปใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเดินทางออกไปและเข้ามาในราชการอาณาจักร ย่อมมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-ใช้เอกสารปลอม: สมรู้ร่วมคิดช่วยเหลือผู้อื่นใช้หนังสือเดินทางปลอมออกนอกประเทศ
ส.เป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมีหน้าที่ตรวจสอบว่าหนังสือเดินทางที่ผู้จะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรนำมาให้ตรวจนั้นเป็นหนังสือเดินทางปลอมหรือไม่ ซึ่งก็ต้องตรวจดูว่าบุคคลผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นบุคคลเดียวกันกับที่กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางให้แท้จริงหรือไม่ ดังนั้น ที่จำเลยแจ้งแก่ส.ว่าพ. ผู้นำหนังสือเดินทางมาให้ตรวจเป็นย. ภริยาของจำเลยซึ่งเป็นข้อความอันเป็นเท็จก็เพื่อให้ส.หลงเชื่อว่าพ. เป็นบุคคลเดียวกันกับย. ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือเดินทาง และตรวจผ่านให้พ.เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ทำให้ส.ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ได้รับความเสียหายเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน พฤติการณ์ที่จำเลยพูดจากับ ส. เพื่อช่วยเหลือให้พ. ใช้หนังสือเดินทางปลอมออกนอกราชอาณาจักรได้ทั้งหนังสือเดินทางปลอมที่ พ. ใช้นั้นก่อนถูกปลอมเป็นหนังสือเดินทางฉบับแท้จริงของย. ภริยาจำเลยแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยได้สมรู้ร่วมคิดกับ พ.นำหนังสือเดินทางปลอมดังกล่าวมาใช้ จำเลยจึงเป็นตัวการในการใช้หนังสือเดินทางปลอมด้วยมีความผิดฐานเป็นตัวการใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบดับมาตรา 265,83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานกรอกข้อมูลเท็จในเอกสารราชการเพื่อออกหนังสือเดินทางให้ผู้กระทำผิด
จำเลยรับราชการเป็นตำรวจ ประจำกองกำกับการ 2 สันติบาลมีหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวนพระภิกษุสงฆ์ ผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยไปจดบันทึกคำให้การของบุคคลผู้ขอหนังสือเดินทาง และผู้ทำสัญญารับรองบุคคลผู้ขอหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ จำเลยจึงมีหน้าที่จดบันทึกคำให้การของบุคคลดังกล่าว ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะเป็นคำสั่งด้วยลายลักษณ์อักษรหรือด้วยวาจาเมื่อจำเลยกรอกข้อความเท็จลงในบันทึกคำให้การโดยผู้ขอหนังสือเดินทางและผู้ทำสัญญารับรองฯ ไม่ได้มาให้การและมิได้ให้การเช่นนั้น ทั้งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อความเท็จ แล้วจำเลยรับรองเป็นหลักฐานว่าผู้ขอหนังสือเดินทางและผู้ทำสัญญารับรองฯได้ให้การตามข้อความที่จำเลยจดดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1) และ(2)