คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนี้ค่าหุ้น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิเรียกดอกเบี้ยเมื่อหนี้ค่าหุ้นที่จำเลยต้องรับผิดชอบรวมกันเกินจำนวนหนี้ภาษีที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้อง
บริษัท ส. ซึ่งถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้างค้างชำระค่าภาษีกากรแก่โจทก์รวม 334,537.34 บาท เฉพาะเงินค่าหุ้นที่จำเลยที่ 1 ถึง จำเลยที่ 6 และที่ 8 ค้างชำระค่าหุ้นของบริษัท ส. รวมเป็นเงิน 374,250 บาท ซึ่งเกินกว่าจำนวนเงินค่าภาษีที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องทั้งหมด แม้โจทก์จะมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากหนี้เงินค่าหุ้นที่จำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 หรือไม่ก็ตาม เมื่อเงินต้นที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 และที่ 8 ต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์รวมกันเกินกว่าจำนวนหนี้ทั้งหมดที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับ ดังนี้ ไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยเมื่อหนี้ค่าหุ้นที่จำเลยต้องรับผิดรวมกันเกินกว่าหนี้ภาษีที่โจทก์มีสิทธิได้รับ
บริษัท ส. ซึ่งถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้างค้างชำระค่าภาษีกากรแก่โจทก์รวม 334,537.34 บาท เฉพาะเงินค่าหุ้นที่จำเลยที่ 1 ถึง จำเลยที่ 6 และที่ 8 ค้างชำระค่าหุ้นของบริษัท ส. รวมเป็นเงิน 374,250 บาท ซึ่งเกินกว่าจำนวนเงินค่าภาษีที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องทั้งหมด แม้โจทก์จะมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากหนี้เงินค่าหุ้นที่จำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 หรือไม่ก็ตาม เมื่อเงินต้นที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 และที่ 8 ต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์รวมกันเกินกว่าจำนวนหนี้ทั้งหมดที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับ ดังนี้ ไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2181/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนหุ้นที่ยังมิได้จดแจ้งผลกระทบต่อหนี้ค่าหุ้นในคดีล้มละลาย ผู้โอนยังคงเป็นหนี้อยู่
ผู้ร้องมีหนังสือปฏิเสธหนี้ค่าหุ้นซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งว่าผู้ร้องยังค้างชำระต่อบริษัทลูกหนี้(จำเลย) โดยส่งสำเนาภาพถ่ายหนังสือโอนหุ้นเป็นพยานต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปแล้ว แม้ในชั้นสอบสวนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะได้ออกหมายนัดให้ผู้ร้องไปให้การเพื่อสอบสวนโดยระบุว่า ถ้า ไม่ไป ถือว่าไม่ติดใจให้สอบสวนก็ตามผู้ร้องก็ยังมีสิทธิยกข้ออ้างเกี่ยวกับการที่ผู้ร้องโอนหุ้นให้แก่ผู้มีชื่อ ขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลและนำพยานหลักฐานเข้าสืบได้ ไม่ถือว่าการนำพยานหลักฐานดังกล่าวเป็นอันยุติไปตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการสอบสวนไว้ ผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นชนิดระบุชื่อ ผู้ถือหุ้นของบริษัทลูกหนี้(จำเลย) การโอนหุ้นจึงต้องจดแจ้งการโอนทั้งชื่อ และสำนักงานผู้รับโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1129 วรรค 3มิฉะนั้นจะอ้างเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้ที่ค้างชำระหุ้นมิได้ ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกให้ผู้ร้องชำระค่าหุ้นที่ยังค้างชำระต่อบริษัทลูกหนี้ ผู้ร้องจึงไม่อาจยกเอาการโอนหุ้นซึ่งยังมิได้จดแจ้งการโอนหุ้นขึ้นยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5257/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลภาษีอากรกลางในการพิจารณาหนี้ค่าหุ้นของผู้ถือหุ้น จำเลยที่ 2-8 และสิทธิของเจ้าหนี้ภาษีอากรในการเรียกร้องหนี้แทนลูกหนี้
การที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า คดีในส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 มิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ภาษีอากรตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 7 (2) เป็นกรณีที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยในปัญหาว่า คดีในส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 อยู่ในอำนาจศาลภาษีอาการกลางหรือศาลยุติธรรมอื่น ซึ่งตามมาตรา 10 วรรคสอง (เดิม) กำหนดให้ประธานศาลฎีกาแต่ผู้เดียวเท่านั้นเป็นผู้วินิจฉัย ศาลภาษีอากรกลางหามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไม่ ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 และพิพากษายกฟ้องมานั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับคู่ความไม่ได้โต้แย้งเรื่องเขตอำนาจศาลไว้ จึงไม่มีปัญหาต้องวินิจฉัยเรื่องเขตอำนาจศาล