พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6340/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่าเช่าซื้อหลังฟื้นฟูกิจการ: สิทธิการรับชำระหนี้และการฟ้องร้องคดีแพ่ง
สัญญาเช่าซื้อระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนที่กำหนดชำระค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือนภายในวันที่ที่ระบุไว้ทุกเดือนจนกว่าจะครบ หนี้ค่าเช่าซื้อย่อมเกิดขึ้นตามกำหนดตลอดเวลาที่มีการผูกพันกันตามสัญญา เมื่อลูกหนี้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาจนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนด้วย ค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือจึงเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้ว เจ้าหนี้ไม่อาจนำหนี้ค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 90/26 และมาตรา 90/27 หากหนี้ค่าเช่าซื้อดังกล่าวมิได้กำหนดไว้ในแผนและลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้โดยผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อภายหลังจากวันที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนจนถึงก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้โดยอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 90/12 (4) และมาตรา 90/13 หรือหากผิดนัดชำระหนี้ค่าเช่าซื้อภายหลังจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 90/26
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4716/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่าเช่าซื้อค้างชำระหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
หนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระเป็นหนี้ค่าเช่าและหนี้อย่างอื่นซึ่งมีกำหนดระยะเวลาให้ชำระโดยกำหนดระยะเวลาให้ชำระตั้งแต่งวดที่ 14 ประจำวันที่ 20 มกราคม 2538เป็นต้นไป จึงมิใช่ได้กำหนดระยะเวลาให้ชำระก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2537 แต่เป็นการกำหนดระยะเวลาให้ชำระภายหลังจากวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้จึงไม่อาจขอรับชำระหนี้ดังกล่าวได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 99
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4716/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่าเช่าซื้อค้างชำระหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ไม่ได้
หนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระเป็นหนี้ค่าเช่าและหนี้อย่างอื่นที่มีกำหนดระยะเวลาให้ชำระโดยกำหนดระยะเวลาให้ชำระตั้งแต่ งวดที่ 14 ประจำวันที่ 20 มกราคม 2538 เป็นต้นไปมิใช่กำหนดระยะเวลาให้ชำระก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2537 แต่เป็นการกำหนดระยะเวลาให้ชำระภายหลังจากวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้จึงไม่อาจขอรับชำระหนี้ดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: ข้อกำหนดเบี้ยปรับและอายุความในการฟ้องเรียกหนี้ค่าเช่าซื้อ
ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการฟ้องขอให้ชำระราคาทรัพย์สินที่เช่าซื้อจนครบตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 12 ซึ่งกำหนดว่า "ถ้าหากผู้เช่าซื้อบอกเลิกการเช่าซื้อตามข้อ 8 ของสัญญา หรือถ้าหากเจ้าของบอกเลิกการเช่าซื้อหรือกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินใหม่ดังเดิมตามสัญญา ผู้เช่าซื้อจะต้องจ่ายค่าซ่อมทรัพย์สินให้กลับคืนสู่สภาพดีตามที่ประมาณราคาขึ้นเพื่อชดใช้ค่าเสื่อมราคา และค่าเสียหายนอกเหนือจากค่าเช่าซื้อทุกงวดที่ค้างชำระอยู่แล้ว ตลอดทั้งจำนวนเงินอื่นใดที่จะต้องจ่ายตามสัญญานี้ และต้องจ่ายเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนที่จ่ายเป็นค่าเช่าซื้อแล้วจะเท่ากับครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องจ่าย ถ้าหากว่าการเช่าซื้อดำเนินต่อไปตลอดระยะเวลาแห่งสัญญา" ข้อสัญญาดังกล่าวนี้ใช้บังคับได้โดยมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ และในกรณีฟ้องเรียกราคารถยนต์เช่าซื้อที่ยังขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้อายุความสิบปีตาม ป.พ.พ.มาตรา 190/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อและการฟ้องร้องความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
เดิมจำเลยทั้งสองค้างชำระค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์โจทก์ร่วม แล้วทำหนังสือรับสภาพหนี้และได้ออกเช็คพิพาทชำระหนี้นั้น ดังนี้ ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระนั้น จำเลยทั้งสองได้ชำระให้โจทก์ร่วมแล้วด้วยเช็คพิพาท ครั้นต่อมาจำเลยผิดนัดและโจทก์ร่วมนั้นบอกเลิกสัญญา โจทก์ร่วมจึงมีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อนเลิกสัญญาด้วยการออกเช็คพิพาทนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 ดังนั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และออกเช็คโดยในขณะออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คได้ จำเลยทั้งสองย่อมมีความผิดตามฟ้อง