พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้มละลาย: แม้มีหนี้ถึงที่สุด แต่ศาลพิจารณาเหตุไม่สมควรให้ล้มละลายได้ หากลูกหนี้มีโอกาสชำระหนี้และไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยง
เมื่อศาลแพ่งมีคำพิพากษาคดีที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายและคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และคดีชั้นร้องขอพิจารณาใหม่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่คำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวย่อมต้องผูกพันคู่ความจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย จำเลยที่ 2 จึงต้องผูกพันและมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว แม้จำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินให้พึงยึดมาชำระหนี้ได้อันต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8 แต่จำเลยที่ 2เป็นนายทหารยศนาวาอากาศตรี อายุเพียง 40 ปีเศษ ยังมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานต่อไปอีก หนี้ตามคำพิพากษาศาลแพ่งอันเป็นมูลเหตุให้จำเลยที่ 2 ถูกฟ้องล้มละลาย เป็นหนี้ตามสัญญาค้ำประกันการเข้าทำงานของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบิดาจำเลยที่ 2 มิใช่หนี้ที่จำเลยที่ 2 ก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยแท้ ประกอบกับจำเลยที่ 2มีรายได้จากเงินเดือนเดือนละ 10,500 บาท โดยไม่ปรากฏว่ามีหนี้สินอื่น และเหตุที่จำเลยที่ 2 ยังมิได้ชำระหนี้ก็น่าเชื่อว่าเพราะจำเลยที่ 2 เชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นเงินเพียง 100,000 บาท ตามที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกันเท่านั้นซึ่งจะเห็นได้จากจำเลยที่ 2 ได้ขอให้มีการพิจารณาคดีแพ่งดังกล่าวใหม่ และยืนยันตลอดมาตั้งแต่เมื่ออ้างตนเองเป็นพยานว่าพร้อมชำระเงินจำนวน 100,000 บาท ให้แก่โจทก์ทันที เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 มิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสียเลยจึงมีเหตุไม่สมควรให้จำเลยที่ 2 ล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 14
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาถึงที่สุดและการสันนิษฐานการล้มละลาย หากถูกยึดทรัพย์
คู่ความย่อมต้องผูกพันในผลแห่งคำพิพากษาของศาลซึ่งถึงที่สุดหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวถือว่าเป็นหนี้ซึ่งอาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนจำเลยจะอ้างเหตุในชั้นขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งศาลยังไม่อนุญาตให้พิจารณาใหม่เพื่อที่จะไม่ผูกพันตามคำพิพากษาหาได้ไม่ การที่จำเลยถูกยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดี ย่อมเข้าข้อสันนิษฐานของ พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 8(5) ว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวโจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้ โดยไม่จำต้องมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ก่อนตามมาตรา 8(9).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจากหนี้สินล้นพ้นตัว โดยมีหนี้ถึงที่สุดและข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย
โจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยที่ 2 ซึ่งต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันจำนวนเงินไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาท จำนวนสองครั้งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน จำเลยได้รับหนังสือทวงถามแล้วไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่า เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 8(9) และเมื่อฟังประกอบหลักฐานอื่นว่า จำเลยที่ 2 ยังเป็นหนี้โจทก์ในคดีอื่นซึ่งถึงที่สุดโดยจำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งถึงความอยู่และแท้จริงของหนี้ดังกล่าว จึงนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาฟังประกอบดุลพินิจเพื่อมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 เด็ดขาดได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1970/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ต้องเป็นหนี้ที่ถึงที่สุดแล้ว และการบังคับคดีตามคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายย่อมทำได้
ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้โจทก์แล้วจำเลยทั้งสองขอหักกลบลบหนี้โดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหนี้เงินฝากไว้กับโจทก์ แต่โจทก์ยื่นคำแก้ฎีกาโต้แย้งว่าหนี้นั้นมีข้อต่อสู้อยู่หลายประการข้อเท็จจริงจึงยังไม่ยุติว่าจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหนี้โจทก์อยู่ตามที่อ้าง จะนำมาหักกลบลบหนี้ไม่ได้ และเมื่อจำเลยทั้งสองยังไม่ได้ฟ้องร้องโจทก์ในมูลหนี้ที่อ้างเพื่อจะนำมาหักกลบลบหนี้กับโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จำเลยทั้งสองจะขอให้งดการบังคับคดีไว้ ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ 1 เพราะเห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นร่วมกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องดังกล่าว ดังนั้น ปัญหาตามฎีกาสำหรับจำเลยที่ 1 ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ขอให้ถอนการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 นั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงชอบที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ได้ และไม่ปรากฏว่ามีการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายจำเลยที่ 2 จะมาโต้เถียงว่าการบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดโดยชอบแล้วเป็นการบังคับคดีที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายหาได้ไม่จึงไม่มีเหตุที่จะถอนการบังคับคดีให้แก่จำเลยที่ 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการหักกลบลบหนี้: แม้มีคดีละเมิดค้าง แต่เจ้าหนี้ยังบังคับคดีจากหนี้ถึงที่สุดได้หากทรัพย์สินยึดเพียงพอ
ข้อเท็จจริงของคดีนี้โจทก์จำเลยแถลงรับกันอยู่ว่าหนี้ตามคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งโจทก์มีสิทธิบังคับคดีเอากับจำเลยมีทุนทรัพย์ถึง 400,000 บาทเศษ แต่คดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาละเมิดเรียกค่าเสียหายมีทุนเพียง 316,350 บาท ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุด ทั้งปรากฏชัดว่าบรรดาทรัพย์สินของจำเลยที่โจทก์นำยึดไว้นั้นทุกรายการมีผู้ร้องขัดทรัพย์อยู่ จึงไม่เป็นการแน่นอนว่าโจทก์จะบังคับคดีเอากับทรัพย์สินที่ยึดไว้แล้วได้มากน้อยเพียงใด ประกอบกับหนี้ของโจทก์ที่จะบังคับกับจำเลยมีจำนวนแน่นอนและสูงกว่าหนี้ที่จำเลยฟ้องเรียกร้องจากโจทก์อยู่เป็นจำนวนถึง 90,000 บาทเศษ เฉพาะหุ้นที่โจทก์นำยึดขอขายทอดตลาด จำเลยก็รับว่ามีราคาน้อยเพียง 3,000 บาทเท่านั้น จึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่าแม้จำเลยจะเป็นฝ่ายชนะคดีโจทก์ก็ไม่สามารถที่จะหักกลบลบหนี้กันได้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ข้อเท็จจริงที่ ปรากฏในสำนวนจึงมีพอที่ศาลจะสั่งได้ไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาในคดีล้มละลาย ศาลมีอำนาจตรวจสอบมูลหนี้ แม้เป็นหนี้ที่ถึงที่สุด
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลมีอำนาจจะฟังข้อเท็จจริงว่าหนี้ตามคำพิพากษานั้นมีมูลหนี้อันจะพึงอนุญาตให้รับชำระหนี้หรือไม่ได้ คำพิพากษาในคดีของเจ้าหนี้ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีนั้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาในคดีล้มละลาย: ศาลมีอำนาจตรวจสอบมูลหนี้ แม้เป็นหนี้ที่ถึงที่สุดแล้ว
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย. เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลมีอำนาจจะฟังข้อเท็จจริงว่าหนี้ตามคำพิพากษานั้นมีมูลหนี้อันจะพึงอนุญาตให้รับชำระหนี้หรือไม่ได้. คำพิพากษาในคดีของเจ้าหนี้ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีนั้นเท่านั้น.