คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนี้ละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2841/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต้องระบุข้อตกลงครอบคลุมทุกค่าเสียหาย มิฉะนั้นหนี้ละเมิดยังไม่ระงับ นายจ้างต้องรับผิด
บันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีมีข้อความว่า "วันที่ 23 ธันวาคม 2539 ได้มี ป. ผู้ขับขี่รถยนต์เก๋ง และ ว. ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ มาพบเพื่อเจรจาค่าเสียหาย ที่ตกลงกันได้ คือ ป. ได้เรียกร้องให้ ว. ซ่อมรถที่ได้รับความเสียหายให้อยู่ในสภาพเดิม และ ว. ยอมตกลงตามข้อเสนอทุกประการ" เอกสารดังกล่าวไม่มีข้อความระบุถึงค่าเสียหายที่โจทก์ที่ 2 ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายรวมทั้งมิได้ระบุถึงค่าเสียหายอื่นๆ ที่โจทก์ทั้งสองพึงได้รับชดใช้จากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ยังไม่ปรากฏข้อความให้เห็นด้วยว่าคู่กรณีตกลงระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นโดยยอมสละข้อเรียกร้องอื่นทั้งสิ้น หรือข้อความว่าโจทก์ทั้งสองไม่ประสงค์จะฟ้องร้องจำเลยทั้งสองทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อไป บันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวจึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ มูลหนี้ละเมิดระหว่างโจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 1 จึงยังไม่ระงับ จำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2840/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้ละเมิด นายจ้างไม่ต้องรับผิดเมื่อลูกจ้างชำระหนี้แล้ว
จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์ และได้ทำบันทึกข้อตกลงระหว่างตัวแทนของโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 ยินยอมตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 จะนำรถยนต์ของโจทก์ไปทำการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเดิม อันเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้อย่างหนึ่งของจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ ถือว่าโจทก์ยอมรับค่าเสียหายในมูลละเมิดที่เกิดขึ้นแล้ว บันทึกข้อตกลงดังกล่าวตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ย่อมทำให้สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในมูลละเมิดเป็นอันระงับไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 852 แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างก็ย่อมระงับสิ้นไปด้วย เพราะไม่มีมูลละเมิดระหว่างโจทก์กับลูกจ้างในอันที่นายจ้างจะต้องรับผิดต่อไปอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3641/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือประนีประนอมไม่ระงับหนี้ละเมิดทั้งหมด เจตนาชำระหนี้บางส่วนและลดโทษอาญา
หนังสือประนีประนอมเอกสารที่พิพาทเป็นแบบพิมพ์ของจำเลยที่ 2ถูกทำขึ้นไว้ก่อนแล้วนำมาให้ ส.ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ลงชื่อรับเงินในวันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีที่จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส โดยจำเลยที่ 2 มิได้มอบเงินจำนวนที่ระบุในหนังสือประนีประนอมให้แก่โจทก์ในวันที่ระบุในหนังสือประนีประนอม และโจทก์ยังติดใจเรียกร้องค่าเสียหายส่วนที่ขาดอยู่อีก การยอมรับเงินจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอม โจทก์มีเจตนารับชำระไว้เป็นค่าเสียหายเพียงบางส่วนกับมีเจตนาเพื่อให้จำเลยที่ 1 ได้รับโทษทางอาญาในสถานเบา มิใช่เป็นการตกลงกันในค่าเสียหายทั้งหมด มูลหนี้ละเมิดที่จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ดังกล่าวจึงยังไม่ระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ละเมิดที่ขาดอายุความบังคับคดี ไม่อาจนำมาฟ้องล้มละลายได้
หนี้ในมูลละเมิดที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายศาลชั้นต้นได้พิพากษาเมื่อวันที่17พฤศจิกายน2521ให้จำเลยกับพวกอีกสองคนร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทก์พวกจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ส่วนโจทก์และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คดีเฉพาะตัวจำเลยย่อมถึงที่สุดตั้งแต่วันที่17ธันวาคม2521โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยภายใน10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271การที่โจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีจนพ้นกำหนด10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาเช่นนี้หนี้ตามคำพิพากษาจึงเป็นหนี้ที่โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยอีกต่อไปดังนั้นโจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีภายใน10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือไม่เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสและสินส่วนตัว: การได้มาซึ่งทรัพย์สินระหว่างสมรส, การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้, และความรับผิดในหนี้ละเมิด
ที่ดินที่จำเลยได้รับมาหลังจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 ใช้บังคับแล้ว แม้จำเลยกับผู้ร้องจะสมรสกันก่อนกฎหมายใหม่ใช้บังคับ ก็ยังต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่นี้มาใช้บังคับ เมื่อจำเลยฝ่ายเดียวได้ที่ดินดังกล่าวมาระหว่างสมรสโดยการยกให้โดยเสน่หา จึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471(3) ส่วนที่ดินที่จำเลยได้มาในระหว่างสมรสก่อนหน้านี้ เมื่อไม่ปรากฏว่า บิดายกให้จำเลยแต่ผู้เดียวหรือให้ผู้ร้องด้วย จึงต้องเป็นไปตามบทสันนิษฐานของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 ตอนท้าย ที่ให้ถือว่าเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย. แม้ผู้ร้องกับจำเลยจะร่วมกันกระทำหนี้ละเมิด แต่ก็เป็นการเฉพาะตัวของผู้ร้องกับจำเลยไม่เกี่ยวกับกิจการอันจำเป็นในครอบครัวหรือเกี่ยวข้องกับสินสมรส หรือเกิดจากการงานที่ทำด้วยกันในฐานะที่เป็นสามีภริยา จึงไม่เป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1490 เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย จึงไม่อาจจะบังคับคดีให้กระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่เหนือสินสมรสตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้ละเมิด & การรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัย
การที่จำเลยที่ 1 ลูกจ้างกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2ที่ 3 ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถโจทก์ที่ 2 เสียหายแล้วได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่2 ย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องในมูลละเมิดระงับไป และทำให้ได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดโดยอาศัยมูลละเมิดและทำให้ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะนายจ้างระงับไปด้วย
จำเลยที่ 1 ยังมิได้ชำระค่าเสียหายตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้แก่โจทก์ที่ 2 ความผูกพันตามสัญญาประกันภัยซึ่งโจทก์ที่1 ผู้รับประกันภัยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 2 ย่อมยังไม่ระงับ เมื่อโจทก์ที่ 1 ได้ใช้ค่าซ่อมรถแทนโจทก์ที่ 2ไป จึงเข้ารับช่วงสิทธิของโจทก์ที่ 2 ผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามจำนวนที่ชดใช้ไปจริงแต่ไม่เกินจำนวนที่โจทก์ที่ 2 มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้
โจทก์ที่ 1 เป็นผู้รับช่วงสิทธิของโจทก์ที่ 2 ที่จะเรียกร้องจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้นเมื่อจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 มิได้เป็นคู่สัญญาในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวกับโจทก์ที่ 2 ด้วยโจทก์ที่ 1 จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการในหนี้ละเมิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พ. ลงนามในสัญญารับเหมาสร้างทางในฐานะทำแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 สัญญามีผลผูกพันจำเลยที่ 1 เมื่อ พ. และคนงานสร้างทางตัดฟันต้นไม้และแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โจทก์ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดดังกล่าว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด จะมารื้อฟื้นยกขึ้นเป็นข้อฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งได้ยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วหาได้ไม่ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด จึงต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2478/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 หากไม่มีหลักฐานการเป็นตัวแทน และเมื่อระงับหนี้ละเมิดแล้ว ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถไปชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนโจทก์ ระบุว่าจำเลยที่ 1 ยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ไม่ปรากฏมีหลักฐานเป็นหนังสือแสดงการตั้งจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะลงชื่อในสัญญาด้วยก็ลงไว้ในฐานะเป็นพยานเจ้าของรถ หาใช่ในฐานะนายจ้างหรือตัวการหรือคู่สัญญาไม่ สัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ 1ทำสัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาท อันเป็นเหตุให้มูลหนี้ละเมิดระงับสิ้นไป และโจทก์ได้สิทธิใหม่ตามสัญญา ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างและตัวการเพื่อการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 และ มาตรา427 ย่อมระงับ เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย จำเลยที่ 3ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องเงินคืนจากหนี้ละเมิด: การชำระหนี้ก่อนฟ้องทำให้เกิดสิทธิเรียกร้องเงินเกินชำระทันที
โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยเนื่องจากมูลหนี้ฐานละเมิดที่โจทก์ทำเงินของจำเลยขาดบัญชีไป การชำระเงินในลักษณะเช่นนี้ ย่อมมีผลตามกฎหมายขึ้นทันทีว่า ถ้าโจทก์ชำระเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิด จำเลยก็ต้องคืนเงินส่วนที่เกินให้แก่โจทก์ในฐานลาภมิควรได้ สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกเงินคืนจึงมีขึ้นตั้งแต่วันที่โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยแล้ว นับแต่วันนั้นถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่าสิบปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้ละเมิด: ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้อย่างเดียวกับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 อยู่แล้วว่ามูลหนี้ละเมิดระงับหรือไม่ แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์ข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
บันทึกที่สถานีตำรวจมีข้อตกลงว่า ฝ่ายจำเลยที่ 2 ยอมใช้ค่าเสียหายตามที่ฝ่ายโจทก์เรียกร้องทั้งสิ้นเป็นเงิน35,268.60 บาท คู่กรณีไม่ติดใจที่จะฟ้องร้องกันในทางแพ่ง อาญา ถ้าหากผิดสัญญาคู่กรณีจะฟ้องกันเองในทางแพ่ง ข้อตกลงนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2 และผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จึงมีผลให้มูลหนี้ละเมิดระงับสิ้นไป โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองตามมูลหนี้ละเมิดอีกไม่ได้ชอบที่จะฟ้องจำเลยที่ 2 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ