พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4372/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแบ่งแยกหนี้กู้ยืม ดอกเบี้ยเกินอัตรา นำดอกเบี้ยรวมต้นเงิน สัญญาจำนองยังใช้บังคับกับหนี้สมบูรณ์
การที่โจทก์นำดอกเบี้ยจำนวน 60,000 บาท ที่จำเลยค้างชำระซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่คิดในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 ไปรวมเข้ากับต้นเงิน 300,000 บาทที่กู้ยืม แสดงว่าโจทก์และจำเลยมีเจตนาที่จะแบ่งแยกการกู้เงินออกเป็นสองส่วน เฉพาะนิติกรรมการกู้ยืมส่วนที่เป็นดอกเบี้ยจำนวน 60,000 บาท เท่านั้น ที่ตกเป็นโมฆะ ส่วนนิติกรรมการกู้ยืมเงินระหว่างโจทก์กับจำเลยในส่วนจำนวน 300,000 บาท ยังคงสมบูรณ์อยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 หนี้กู้ยืมระหว่างโจทก์ จำเลยในเงินส่วนนี้จึงเป็นหนี้สมบูรณ์ เมื่อจำเลยจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงินกู้ในวงเงิน360,000 บาท สัญญาจำนองดังกล่าว จึงมีผลใช้บังคับได้ตามจำนวนหนี้ประธานที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5034/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่มาแห่งมูลหนี้เงินกู้จากการเล่นแชร์: สัญญาเงินกู้สมบูรณ์ แม้ไม่มีการส่งมอบเงิน
มูลหนี้ของสัญญาเงินกู้มาจากการเล่นแชร์ อันเป็นมูลหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายและบังคับกันได้ และกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีการส่งมอบเงินให้แก่จำเลยอีกเพราะถือเสมือนหนึ่งว่าได้มีการส่งมอบเงินกู้ให้แก่จำเลยไปแล้ว ดังนั้นสัญญาเงินกู้จึงมีผลสมบูรณ์ ที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเป็นหนี้ค่าเล่นแชร์ที่โจทก์ในฐานะนายวงแชร์ได้ใช้เงินแทนให้จำเลยไปแล้ว จำเลยจึงได้ทำสัญญาเงินกู้ให้ไว้แก่โจทก์นั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งมูลหนี้ของหนี้เงินกู้ตามฟ้อง ซึ่งโจทก์ชอบที่จะนำสืบได้ มิใช่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันมีผลผูกพัน แม้ทำหลังสัญญากู้ และหนี้เป็นหนี้สมบูรณ์
การค้ำประกันหรือการที่บุคคลภายนอกซึ่งเรียกว่าผู้ค้ำประกันยอมผูกพันตนต่อเจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น สามารถทำได้ทั้งเพื่อการชำระหนี้ที่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ก่อนแล้วและหนี้ในอนาคต โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ค้ำประกันได้รู้เห็นด้วยหรือไม่ในขณะที่ลูกหนี้ได้ก่อหนี้นั้นขึ้น ถ้าหนี้นั้นเป็นหนี้อันสมบูรณ์ผู้ค้ำประกันย่อมต้องผูกพันต่อเจ้าหนี้
จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้จริง แม้จะไม่ได้ทำพร้อมกันกับสัญญากู้ก็มีผลใช้บังคับได้ เพราะไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าการทำสัญญาค้ำประกันจะต้องทำพร้อมกับสัญญากู้ยืมเงิน เมื่อหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันมีการกู้ยืมเงินและรับเงินกันไปแล้วจริงจึงเป็นหนี้อันสมบูรณ์
จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้จริง แม้จะไม่ได้ทำพร้อมกันกับสัญญากู้ก็มีผลใช้บังคับได้ เพราะไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าการทำสัญญาค้ำประกันจะต้องทำพร้อมกับสัญญากู้ยืมเงิน เมื่อหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันมีการกู้ยืมเงินและรับเงินกันไปแล้วจริงจึงเป็นหนี้อันสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานหนี้จากบัตรทดแทนเงินสดและใบรับฝากเงินที่สมบูรณ์ไม่เป็นโมฆะ แม้ไม่มีอากรแสตมป์
จำเลยออกบัตรสำหรับค่าแรงทำงานให้แก่โจทก์แทนการจ่ายเป็นธนบัตรรัฐบาลนั้นจะผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยผู้ออกบัตร ไม่เกี่ยวกับโจทก์ แต่ธนบัตรนั้นย่อมเป็นหลักฐานแสดงว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ โจทก์อยู่ตามจำนวนเงินในบัตร เมื่อโจทก์นำบัตรมาขอขึ้นเงินกับจำเลย และจำเลยออกใบรับฝากให้ ใบรับฝากเงินนั้นย่อมเป็นหลักฐานแห่งหนี้ที่สมบูรณ์ ไม่เป็นโมฆะ และใบรับฝากเงินนี้ก็มิใช่ใบรับเงินซึ่งจะต้องเสียอากรตามประมวลรัษฎากรแต่อย่างไร
หนังสือแต่งตั้งอนุญาตโดยตุลาการที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้น ผู้ทรงตราสารชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรเมื่อใดก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เสียอากรและเรียกเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายแล้ว ตราสารนั้นย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
หนังสือแต่งตั้งอนุญาตโดยตุลาการที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้น ผู้ทรงตราสารชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรเมื่อใดก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เสียอากรและเรียกเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายแล้ว ตราสารนั้นย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานหนี้สมบูรณ์จากใบรับฝากเงิน & การรับสภาพหนี้ทำให้ฟ้องไม่ขาดอายุความ
จำเลยออกบัตรสำหรับค่าแรงทำงานให้แก่โจทก์แทนการจ่ายเป็นธนบัตรรัฐบาลนั้น จะผิดกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยผู้ออกบัตร ไม่เกี่ยวกับโจทก์ แต่บัตรนั้นย่อมเป็นหลักฐานแสดงว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามจำนวนเงินในบัตร เมื่อโจทก์นำบัตรมาขอขึ้นเงินกับจำเลย และจำเลยออกใบรับฝากให้ ใบรับฝากเงินนั้นย่อมเป็นหลักฐานแห่งหนี้ที่สมบูรณ์ ไม่เป็นโมฆะ และใบรับฝากเงินนี้ก็มิใช่ใบรับเงินซึ่งจะต้องเสียอากรตามประมวลรัษฎากรแต่อย่างไร
หนังสือแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้นผู้ทรงตราสารชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรเมื่อใดก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เสียอากรและเรียกเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายแล้ว ตราสารนั้นย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
หนังสือแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้นผู้ทรงตราสารชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรเมื่อใดก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เสียอากรและเรียกเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายแล้ว ตราสารนั้นย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่อโต้แย้งความสมบูรณ์ของหนี้ตามสัญญา กู้ยืมเงินและการแก้ไข/ทำลายเอกสารตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกู้เงินไปตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าไม่ได้รับเงินตามเอกสารสัญญากู้เพราะเหตุโจทก์จะยอมให้จำเลยกู้เงินตามฟ้องได้ต่อเมื่อขายนาจำเลยจึงเซ็นนามไว้ในสัญญากู้ของโจทก์ก่อนแต่แล้วขายนาไม่ได้ ถือว่าจำเลยต่อสู้และจะขอสืบว่าหนี้ตามเอกสารสัญญากู้ไม่สมบูรณ์หรือเพื่อทำลายเอกสารนั้นและการสืบว่าหนี้ไม่สมบูรณ์นี้ถือว่าเป็นการสืบที่ทั้งแก้ไขและทำลายเอกสารเข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง ม.94 วิ.แพ่ง โดยชัด เพราะการสืบทำลายนั้นย่อมต้องมีการแก้ไขอยู่ในตัว.