คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนี้สัญญาซื้อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็คและการคิดดอกเบี้ย: ผลกระทบต่อคดีอาญา
หนี้ที่จำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทเพื่อใช้เงินนั้นเป็นมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขาย นอกจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้แล้ว ยังได้ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีแพ่งขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระเงินตามจำนวนในเช็คพิพาทซึ่งเป็นมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขายพร้อมดอกเบี้ยจากการผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนถึงวันที่จำเลยทั้งสองชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ ดังนั้นในกรณีที่จำเลยที่ 2 ยอมชำระเงินตามมูลหนี้สัญญาซื้อขายเพื่อให้หนี้ที่จำเลยทั้งสองได้ออกเช็คพิพาทเพื่อใช้เงินสิ้นผลผูกพันไปนั้น จำเลยที่ 2 จะต้องชำระเงินตามจำนวนเงินในเช็คพิพาทซึ่งเป็นมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขายพร้อมกับต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทอันถือได้ว่าจำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้เงินตามสัญญาซื้อขายจนถึงวันที่จำเลยที่ 2ชำระเงินแก่โจทก์ครบถ้วนสิ้นเชิง ตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 224 วรรคหนึ่งและมาตรา 214 ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 นำเงินตามจำนวนในเช็คพิพาทมาวางต่อศาลชั้นต้นในคดีนี้เพื่อชำระหนี้เงินตามเช็ค โดยมิได้ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามนัยที่ได้วินิจฉัยไว้ หนี้เงินตามสัญญาซื้อขายที่จำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทเพื่อใช้เงินนั้นจึงยังไม่ได้รับการชำระครบถ้วนสิ้นเชิง จึงไม่มีผลให้หนี้ดังกล่าวสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแต่อย่างใด ฉะนั้นจึงถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 7 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับไปตาม ป.วิ.พ.มาตรา 39 (3) ยังไม่ได้ แต่เมื่อปรากฏว่าระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาในคดีนี้ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ชำระดอกเบี้ยของเช็คพิพาทตามคำพิพากษา โดยจำเลยทั้งสองได้นำเงินค่าดอกเบี้ยไปวางต่อศาล และโจทก์ได้รับชำระไปแล้ว หนี้ที่จำเลยทั้งสองได้ออกเช็คพิพาทดังกล่าวเพื่อใช้เงินจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเลิกกัน และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องหนี้สัญญาซื้อขายที่ดิน: อายุความและข้อเท็จจริงหลังพิทักษ์ทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อที่ดินโฉนดที่ 14664ของโจทก์ราคา 113,000 บาท จำเลยชำระค่าที่ดินให้โจทก์โดยเช็คสองฉบับ ฉบับหนึ่งเงิน 13,000 บาท อีกฉบับหนึ่งเงิน 100,000 บาท จำเลยได้รับโอนที่ดินจากโจทก์ไปเรียบร้อยในวันซื้อขาย เช็คฉบับเงิน 100,000 บาท โจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้ คงขึ้นเงินได้แต่เฉพาะเช็คฉบับเงิน 13,000 บาท จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ 100,000บาท โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาท หลายครั้ง จำเลยก็ไม่ชำระ โจทก์จึงฟ้อง ตามคำฟ้องดังกล่าวแสดงว่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกร้องโดยอาศัยสิทธิอันมีมูลหนี้มาจากสัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ การที่โจทก์บรรยายฟ้องถึงเรื่องเช็คมาด้วย ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระราคาที่ดินจากจำเลยเท่านั้น มิใช่ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค
ฎีกาที่กล่าวอ้างถึงข้อเท็จจริงซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว ทั้งมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย