พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบเมื่อฟ้องหุ้นส่วน: โจทก์ต้องพิสูจน์ความเป็นหุ้นส่วนก่อน หากไม่สมเหตุผล ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยพยานจำเลย
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีมาเป็นเรื่องหุ้นส่วน ซึ่งจำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้เข้าหุ้นส่วนกับโจทก์และอ้างว่าการที่จำเลยเข้าอยู่ในตึกแถวรายพิพาทก็โดยเช่าจากโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนของบุคคลภายนอก เช่นนี้เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบก่อน เพราะโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงสนับสนุนคำฟ้องของตน เมื่อโจทก์นำสืบไม่สมว่าเป็นหุ้นส่วนกัน ก็เป็นการเพียงพอที่จะยกฟ้องเสียได้ ไม่จำเป็นจะต้องวินิจฉัยไปถึงพยานหลักฐานของจำเลย เพราะข้อที่จำเลยจะได้เช่าตึกรายพิพาทจากโจทก์หรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นในคดีนี้ ข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวเป็นแต่เพียงเหตุแห่งการปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์เท่านั้น ประเด็นในคดีนี้มีเพียงว่า การที่จำเลยเข้ามาทำการค้าในสถานที่รายพิพาท โดยจำเลยเข้ามาในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์หรือมิใช่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบของโจทก์ในคดีหุ้นส่วน: เมื่อโจทก์กล่าวอ้างและจำเลยปฏิเสธ โจทก์ต้องพิสูจน์ก่อน
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีมาเป็นเรื่องหุ้นส่วน ซึ่งจำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้เข้าหุ้นส่วนกับโจทก์ และอ้างว่าการที่จำเลยเข้าอยู่ในตึกแถวรายพิพาทก็โดยเช่าจากโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนของบุคคลภายนอก เช่นนี้เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบก่อน เพราะโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงสนับสนุนคำฟ้องของตน เมื่อโจทก์นำสืบไม่สมว่าเป็นหุ้นส่วนกันก็เป็นการเพียงพอที่จะยกฟ้องเสียได้ ไม่จำเป็นจะต้องวินิจฉัยไปถึงพยานหลักฐานของจำเลย เพราะข้อที่จำเลยจะได้เช่าตึกรายพิพาทจากโจทก์หรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นในคดีนี้ ข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวเป็นแต่เพียงเหตุแห่งการปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์เท่านั้น ประเด็นในคดีนี้มีเพียงว่า การที่จำเลยเข้ามาทำการค้าในสถานที่รายพิพาท โดยจำเลยเข้ามาในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์หรือมิใช่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยครอบครองปรปักษ์: หน้าที่การนำสืบของผู้คัดค้านเมื่อรับทราบการครอบครองเกิน 10 ปี
ผู้ร้องได้ร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินโฉนดมีชื่อนายวันเป็นเจ้าของเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินรายนี้มาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า10 ปีแล้ว ผู้คัดค้านอ้างว่า นายวันเป็นบิดาผู้คัดค้าน
เมื่อ 10 ปีเศษนายวันได้นำโฉนดที่ดินรายนี้ไปวางประกันเงินกู้นายท้วมและให้ทำกินต่างดอกเบี้ย นายท้วมตายโฉนดจึงตกอยู่แก่ผู้ร้องดังนี้ เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านจะต้องนำสืบก่อน ในเมื่อผู้คัดค้านรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว
เมื่อ 10 ปีเศษนายวันได้นำโฉนดที่ดินรายนี้ไปวางประกันเงินกู้นายท้วมและให้ทำกินต่างดอกเบี้ย นายท้วมตายโฉนดจึงตกอยู่แก่ผู้ร้องดังนี้ เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านจะต้องนำสืบก่อน ในเมื่อผู้คัดค้านรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบในคดีแพ่ง: ประเด็นความรับผิดของลูกจ้างและขอบเขตการต่อสู้คดี
โจทฟ้องว่าลูกจ้างของจำเลยขับรถอันเปนปรกติธุระของจำเลยชนรถยนต์ของโจทเสียหายโดยประมาทเลินเล่อ จำเลยต่อสู้ว่าการชนเกิดจากความผิดของฝ่ายโจท ไม่ได้กล่าวว่าลูกจ้างของจำเลยไม่ได้ทำการไนทางการที่จ้างดังนี้ ย่อมไม่มีประเด็นที่จำเลยไม่ได้ต่อสู้นั้นและโจทไม่จำต้องนำสืบ. ไนคดีแพ่งโจทไม่ต้องนำสืบไนข้อที่ไม่มีประเด็นต้องโต้เถียงกัน ไนคดีแพ่งนั้นคำไห้การจำเลยต้องสแดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปติเสธข้ออ้างของโจททั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนรวมทั้งเหตุแห่งการนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธฟ้องและการรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการร้องทุกข์: อำนาจฟ้องและหน้าที่การนำสืบ
โจทฟ้องขอไห้ลงโทสจำเลยตาม ม. 123 และ 304. จำเลยไห้การปติเสธ เช่นนี้ย่อมต้องหมายถึงว่าจำเลยปติเสธคำกล่าวไนฟ้องซึ่งสแดงอำนาดฟ้องไนเรื่องไม่ไห้ร้องทุขด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพิสูจน์ความประมาทในคดีทรัพย์สินเสียหาย ฝ่ายโจทก์ต้องรับผิดชอบในการนำสืบหลักฐาน
ฟ้องว่ากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์เสียหายเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้สมเมื่อโจทก์สืบไม่สมก็ต้องยกฟ้องโจทก์