พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2479/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทน – หน้าที่รับผิดของตัวการเมื่อตัวแทนทำสัญญาซื้อขายและชำระเงินด้วยเช็คของตัวการ
จำเลยที่ 4 มอบหมายให้จำเลยที่ 2 ดำเนินกิจการโรงแรมแทนและมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 สั่งจ่ายเช็คของจำเลยที่ 4 ในกิจการของโรงแรมได้ ดังนี้การที่จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาซื้ออุปกรณ์โทรศัพท์พิพาทจากโจทก์ โดยระบุว่ากระทำการแทนจำเลยที่ 4 แล้วจำเลยที่ 2ได้สั่งจ่ายเช็คของจำเลยที่ 4 ชำระราคาค่าอุปกรณ์โทรศัพท์และดอกเบี้ยบางส่วนตามสัญญาให้โจทก์ ประกอบกับจำเลยที่ 4 ได้ใช้อุปกรณ์โทรศัพท์พิพาทในกิจการโรงแรมของจำเลยที่ 4 ตลอดมาแสดงว่าจำเลยที่ 4 ได้เชิด ให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนเข้าทำสัญญาซื้อขายอุปกรณ์โทรศัพท์พิพาทกับโจทก์ จำเลยที่ 4 จึงต้องรับผิดในฐานะตัวการต้องชำระราคาค่าอุปกรณ์โทรศัพท์พิพาทให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องรุกล้ำที่ดิน: อาคารส่วนควบของที่ดินเจ้าของมีหน้าที่รับผิด
จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารตึกแถว ที่อยู่ติดกับที่ดินและอาคารตึกแถวของโจทก์ น. เป็นผู้ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ปลูกสร้างอาคารตึกแถวเพิ่มเติมในที่ดินของจำเลยโดยการยินยอมของจำเลย ไม่ปรากฏว่า น. มีสิทธิในที่ดินของจำเลยที่จะใช้สิทธิปลูกสร้างอาคารตึกแถวดังกล่าวได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 109 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะเป็นเรื่องที่ น. ทำการแทนจำเลย อาคารตึกแถวที่ น. ปลูกในที่ดินของจำเลยย่อมตกเป็นส่วนควบของที่ดินของจำเลย จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารตึกแถว ต้องรับผิดในกรณีตึกแถวที่ปลูกสร้างรุกล้ำที่ดินของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย
เมื่อศาลได้วินิจฉัยคดีตามคำท้าโดยอาศัยหลักกฎหมายในเรื่องส่วนควบซึ่งปรากฏจากเอกสารที่คู่ความส่งอ้างแล้วย่อมไม่เป็นการวินิจฉัยคดีนอกคำท้า
เมื่อศาลได้วินิจฉัยคดีตามคำท้าโดยอาศัยหลักกฎหมายในเรื่องส่วนควบซึ่งปรากฏจากเอกสารที่คู่ความส่งอ้างแล้วย่อมไม่เป็นการวินิจฉัยคดีนอกคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนโฉนดที่ดินทับซ้อน แม้จะออกก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน และการไม่มีหน้าที่รับผิดของกรมที่ดิน
เมื่อเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินได้ตรวจสอบเขตตามที่เจ้าของที่ดินหรือตัวแทนนำชี้และการออกโฉนดก็ได้ปฏิบัติตามระเบียบ เช่นนี้ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามสมควรแล้วหากเขตเนื้อที่ในโฉนดไม่ถูกต้องจะถือว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินย่อมไม่ได้ผู้ซื้อที่ดินมีโฉนดมาโดยสุจริตและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่อาจได้กรรมสิทธิ์เพราะที่ดินเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กรมที่ดินต้องรับผิด
อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดที่ไม่ถูกต้องได้ ไม่ว่าเป็นโฉนดที่ออกมาก่อนหรือภายหลังวันใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน
อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดที่ไม่ถูกต้องได้ ไม่ว่าเป็นโฉนดที่ออกมาก่อนหรือภายหลังวันใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่รับผิดในหนี้หลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
การที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายในหนี้อันเดียวกับที่ตนเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้น เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายคดีถึงที่สุดโดยไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นหักล้างคำสั่งและคำพิพากษาดังกล่าวย่อมถือได้ว่าลูกหนี้ต้องมีหน้าที่รับผิดในหนี้ตามที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงมูลหนี้จากซื้อข้าวสารเป็นสัญญากู้ ไม่ถือว่าแตกต่างจากฟ้องเดิม หากจำเลยยังคงมีหน้าที่รับผิดตามสัญญา
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป รับเงินไปตามสัญญา และได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้อง แม้ได้ความตามทางพิจารณาว่า การกู้ยืมรายนี้มีมูลกรณีมาจากการที่จำเลยยืมเงินโจทก์ ซื้อข้าวหรือเชื่อข้าวสาร ของโจทก์แล้วสัญญาว่าจะใช้ด้วยข้าวเปลือกดังโจทก์นำสืบก็ดี แต่ภายหลังจำเลยไม่เอาข้าวเปลือกใช้หนี้ แต่มาทำสัญญากู้ให้แก่โจทก์ไว้ในภายหลังตามสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องและจำเลยยังไม่ได้ใช้หนี้ กรณีเช่นนี้เป็นแต่เพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงว่ามูลกรณีแห่งการกู้ยืมรายนี้เป็นมาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องได้ความแตกต่างผิดไปจากฟ้องทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ เพราะจำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ว่ามีหนี้สินเดิมกับโจทก์ มาจริงเนื่องจากการซื้อเชื่อข้าวสารโจทก์และจำเลยก็ได้เอาข้าวเปลือกชำระไปจนหมดหนี้สินแล้วไม่มีพันธะต่อกัน ลายมือชื่อในสัญญาไม่ใช่ลายมือของจำเลย หากแต่จำเลยนำสืบไม่สม จำเลยต้องใช้หนี้ตามโจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขอให้ชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างการฟ้องหย่า: ศาลแสดงว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดได้
ภริยาขอหย่าขาดจากสามีเมื่อมีหนี้อันเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดู เช่นต้องไปซื้อเชื่อสิ่งของและกู้ยืมเงินผู้มีชื่อมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นกับการครองชีพของตัวภริยาและบุตรซึ่งสามีมีหน้าที่ต้องรับผิด และเมื่อภริยาเรียกร้องให้สามีชำระ สามีก็ไม่ชำระให้ ดังนี้ ย่อมตกเป็นภาระแก่ภริยา ภริยาย่อมขอให้ศาลแสดงว่าสามีมีหน้าที่จะต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวได้ และศาลก็พิพากษาให้สามีมีหน้าที่ต้องรับผิดในหนี้ตามจำนวนที่ภริยาฟ้องมานั้นได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ ไม่ได้ หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ ไม่ได้ หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้