คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลักฐานซื้อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3042/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาศุลกากร: ราคาที่แท้จริงในท้องตลาดต้องเป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับหลักฐานการซื้อขายจริง
สินค้าพิพาทโจทก์สั่งซื้อได้ชำระราคาโดยเปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิตไว้กับธนาคาร และธนาคารได้หักบัญชีค่าสินค้าจากโจทก์ส่งให้ผู้ขาย มีจำนวนเงินตรงกับใบกำกับสินค้า และตรงกับที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า อีกทั้งจำเลยทั้งสองก็มิได้นำสืบปฏิเสธในเรื่องนี้ ย่อมมีเหตุผลรับฟังได้ว่า โจทก์ได้สั่งซื้อและชำระราคาสินค้าไปตามที่ได้สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าจริง จึงพอฟังได้ในเบื้องต้นว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด
จำเลยทั้งสองได้ประเมินราคาสินค้าพิพาทโดยเทียบเคียงกับบัตรราคาซึ่งเป็นไปตามคำสั่งทั่วไปของจำเลยที่ 1 ที่ 24/2517 บางรายการต้องอาศัยการเทียบเคียงกับบัตรราคาที่ใกล้เคียงและตามประกาศกองตีราคาที่ 1/2517ที่ 3/2517 และตามรายงานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาปัญหาเกี่ยวกับราคาศุลกากรครั้งที่ 5 หลักเกณฑ์ตามคำสั่งทั่วไปและการเทียบเคียงตามประกาศการตีราคาดังกล่าวเป็นแนวปฏิบัติเพื่อหาราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเท่านั้น หาเป็นกฎเกณฑ์ตายตัวว่าราคาของสินค้าที่นำเข้าจะต้องเป็นจริงตามนั้นไม่ คำสั่งและประกาศดังกล่าวมีมานานแล้วตั้งแต่ปี 2517 มีระยะเวลาก่อนที่โจทก์จะนำสินค้าพิพาทเข้ามาถึง 10 ปีอีกทั้งบัตรราคานั้น แม้ว่ากองวิเคราะห์และประเมินราคาร่วมกันกำหนดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ความว่าราคาในบัตรนั้นกำหนดขึ้นโดยมีหลักเกณฑ์อย่างใด และไม่ปรากฏว่าราคาในบัตรนั้นเป็นราคาของสินค้าในปีใด อีกทั้งแม้จะปรากฏว่าบัตรพิพาทได้กำหนดขึ้นตั้งแต่ปี 2523 และ 2524 ก็เป็นระยะเวลาห่างไกลกับระยะเวลาที่โจทก์นำสินค้าพิพาทเข้ามา จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าราคาที่จำเลยที่ 1 นำมาเทียบเคียงนั้นเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด
แม้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องจะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยทั้งสองยกขึ้นอุทธรณ์ได้แม้จะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวในศาลภาษีอากรกลางก็ตาม แต่การจะวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนี้ได้จะต้องได้ข้อเท็จจริงอันเป็นยุติด้วยว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินดังกล่าว ปรากฏในคดีสำนวนแรกแม้จำเลยที่ 1 จะให้การไว้ด้วยว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมิน แต่ในคดีสำนวนหลัง โจทก์ก็ได้ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่าได้อุทธรณ์การประเมินแล้ว ศาลภาษี-อากรกลางหาได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทให้ทั้งสองฝ่ายนำสืบถึงข้อเท็จจริงส่วนนี้ไม่ อีกทั้งในการสืบพยานของโจทก์ก็ไม่มีพยานโจทก์คนใดเบิกความยอมรับว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินดังกล่าว จึงไม่มีข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบที่จะใช้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวได้ ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินพิพาท: การครอบครองปรปักษ์และหลักฐานการซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์
บิดาโจทก์ตกลงซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลย และจำเลยได้ใช้เชือกวัดและปักหลักเขตที่ดินพิพาทให้ทั้งสี่มุมตั้งแต่ในวันตกลงซื้อขายบิดาโจทก์ได้ล้อมรั้วและปรับที่ดินพิพาทพร้อมที่จะปลูกบ้านอยู่อาศัยได้เป็นเวลานานหลายปีมาแล้วจำเลยไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท ต่อมาบิดาโจทก์ยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้เข้าครอบครองตลอดมา โจทก์จึงได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม, สละข้อต่อสู้, หลักฐานซื้อขาย, หักค่าเสียหาย, ดอกเบี้ย - ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้ออุปกรณ์สระว่ายน้ำจากโจทก์เป็นเงิน 30,698บาท เป็นคำฟ้องที่ชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แล้ว ส่วนรายละเอียดอุปกรณ์สระว่ายน้ำมีอะไรบ้าง เป็นข้อที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา แม้ไม่บรรยายมาในฟ้องก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม และโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า คนของจำเลยผู้ใดเป็นคนเซ็นรับของ เพียงแต่กล่าวว่าได้ส่งของให้จำเลยรับไปแล้วก็เป็นฟ้องที่ชอบ
เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ แม้โจทก์จะมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย หากมีข้อความในเอกสารเป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนอ่านได้ใจความสำคัญ ย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้
ปัญหาซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นจึงไม่รับวินิจฉัย จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยังไม่ได้สละข้อต่อสู้ เพียงแต่ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาต่อมา ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย เพราะไม่ใช่ข้อที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว
แม้จำเลยจะยอมรับผิดตามฟ้องเต็มจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือแต่บางส่วน หากจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป จำเลยก็ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8650/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: หลักฐานการซื้อขายที่ไม่น่าเชื่อถือ และการกำหนดค่าทดแทนที่เป็นธรรม
แม้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะกำหนดหลักการสำคัญเกี่ยวกับหน้าที่ของรัฐในการจ่ายค่าทดแทนเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ว่า "...ต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมภายในเวลาอันควรแก่เจ้าของ ตลอดจนผู้ทรงสิทธิบรรดาที่ได้รับความเสียหายในการเวนคืนนั้น ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ" และความในวรรคสองยังกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนด้วยว่า "การกำหนดค่าทดแทนตามวรรคหนึ่งต้องกำหนดให้อย่างเป็นธรรมโดยคำนึงถึงราคาที่ซื้อขายกันตามปกติ การได้มา สภาพ และที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์และความเสียหายของผู้ถูกเวนคืน" แต่การได้มาโดยการซื้ออสังหาริมทรัพย์รวมทั้งความเสียหายของผู้ถูกเวนคืนนั้น จะต้องเป็นการได้มาโดยการซื้อขายกันจริงๆ ด้วยความสุจริต และผู้ถูกเวนคืนได้รับความเสียหายอย่างแท้จริงด้วย จึงจะนำมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณากำหนดเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนได้