พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีอาญา: พฤติการณ์หลังเกิดเหตุและหลักการสันนิษฐานในคำบอกเล่า
ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งห้าแม้เรียงกระทงลงโทษแล้วก็คงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งห้าและหากจะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา289(5)ก็ตามศาลฎีกาก็ไม่อาจจะวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลล่างเป็นอย่างอื่นให้ลงโทษหนักไปกว่านี้ได้ดังนั้นการที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรกประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่จำเลยทั้งห้ากระทำผิดพฤติการณ์ที่จ.และต. เบิกความถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าจะเกิดเหตุว่าจำเลยที่1ถึงที่5มาร่วมดื่มสุราด้วยกันที่บ้านของพยานส่วนบ. เบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา15นาฬิกาจำเลยที่1ถึงที่4ไปหาพยานที่บ้านแล้วบอกให้พยานล้างรถให้เพราะในรถเปื้อนเลือดและอ. กับส. เบิกความว่าเย็นวันเกิดเหตุจำเลยที่2ขับรถกระบะที่ได้จากการปล้นพาจำเลยที่1ไปที่บ้านบอกว่าได้ฆ่าคนมา5คนขอให้อ. ช่วยขายรถคันดังกล่าวให้ล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์หลังเกิดเหตุแล้วเป็นคำบอกเล่าของจำเลยที่อาจให้ยันจำเลยได้อยู่แล้วเพราะตามธรรมดาบุคคลทั่วๆไปย่อมจะไม่กล่าวความใดอันทำให้ตนเสียหายเมื่อมีการบอกเล่าเช่นนั้นก็ย่อมสันนิษฐานได้ว่าคำบอกเล่านั้นเป็นจริงแต่มิใช่เรื่องที่จำนนต่อหลักฐานดังที่โจทก์ฎีกาฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองลดโทษให้แก่จำเลยทั้งห้ามานั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยวินาศภัย: การชดใช้ค่าเสียหายเต็มจำนวนเมื่อทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด และหลักการสันนิษฐานมูลค่าความเสียหาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 877 วรรคสองบัญญัติให้เป็นคุณแก่ผู้เอาประกันภัยในกรณีที่ทรัพย์ที่เอาประกันภัยถูกวินาศภัยไปทั้งหมด ผู้เอาประกันภัยชอบที่จะเรียกร้องชดใช้ค่าเสียหายได้เต็มจำนวนที่เอาประกันภัย เว้นแต่ผู้รับประกันภัยพิสูจน์หักล้างได้ว่าความเสียหายของทรัพย์นั้นต่ำกว่าจำนวนเงินที่เอาประกันภัย จึงจะถือเอาความเสียหายที่เป็นจริงซึ่งต่ำกว่าได้จำเลยทั้งหกรับประกันภัยโกดังและสินค้าของโจทก์โดยรับประกันภัยโกดังในวงเงิน 1,000,000 และรับประกันภัยสินค้าในวงเงิน6,000,000 บาท เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าทรัพย์สินของโจทก์ที่เอาประกันภัยมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 7,000,000 บาท จึงต้องถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายตามที่ได้เอาประกันภัยไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากใช้อาวุธปืน: หลักสันนิษฐานและข้อยกเว้น
การใช้อาวุธปืนยิงคนนั้นธรรมดาย่อมสันนิษฐานว่าผู้ยิงมีเจตนาจะฆ่าให้ตาย การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ยิงไม่มีเจตนาจะฆ่าจะต้องมีเหตุผลแสดงให้ประจักษ์ว่า ปืนนั้นไม่ดีพอที่จะทำให้ประจักษ์ว่า ปืนนั้นไม่ดีพอที่จะทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้