พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอท้ายฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายในการทำที่ดินและการตรวจสอบหลักเขต ไม่ถือเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาได้ คดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง
คำขอท้ายฟ้อง ซึ่งมีความว่า "ให้จำเลยชำระค่าทำที่ดินให้เรียบร้อย ทำขอบกันดินเช่นแปลงอื่น และการยื่นคำร้องต่อสำนักงานที่ดินเพื่อตรวจสอบหลักเขตพร้อมปักหน้าเขตที่ดินใหม่ เป็นเงิน 25,000 บาท (สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน)" ตามคำขอเช่นนี้เป็นการขอบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 25,000 บาท เท่านั้น มิได้ขอบังคับให้จำเลยกระทำการหรืองดเว้นกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด การที่โจทก์ยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวและเสียค่าใช้จ่ายก็เป็นเรื่องของโจทก์ในทำนองเดียวกันกับการเรียกค่าเสียหายเป็นค่าซ่อมแซมทรัพย์สินไว้ก่อนโดยที่ยังไม่มีการซ่อมแซม ส่วนการที่โจทก์จะเรียกร้องเงิน 25,000 บาท จากจำเลยได้หรือไม่ เพียงใดนั้น ย่อมเป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีต่อไป กรณีไม่อาจแปลไปได้ว่าคำขอดังกล่าวเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย คดีของโจทก์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์และอยู่ในอำนาจศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลแขวง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรังวัดที่ดินแนวเขตบึงสาธารณะ การยึดหลักเขตเดิม และการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของเจ้าพนักงาน
จำเลยมีหน้าที่ดูแลที่สาธารณะภายในเขตรับผิดชอบ และการระวังแนวเขตบึงทรายกองดินด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่วางระเบียบปฏิบัติไว้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและถูกต้องแล้วการคัดค้านแนวเขตที่ดินพิพาทเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและสุจริต จำเลยทั้งสี่มิได้ทำละเมิดสิทธิของโจทก์
เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้นฉะนั้น นอกจากเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ว่ากระทรวงมหาดไทยออกระเบียบปฏิบัติในการระวังแนวเขตที่สาธารณะไว้อย่างไร แม้เอกสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่อ้างเป็นพยานจะฟังไม่ได้เพราะไม่ใช่ต้นฉบับ และผู้รับรองสำเนาก็มิใช่ผู้มีอำนาจ แต่พยานบุคคลที่จำเลยนำเข้าสืบรับฟังได้
เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้นฉะนั้น นอกจากเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ว่ากระทรวงมหาดไทยออกระเบียบปฏิบัติในการระวังแนวเขตที่สาธารณะไว้อย่างไร แม้เอกสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่อ้างเป็นพยานจะฟังไม่ได้เพราะไม่ใช่ต้นฉบับ และผู้รับรองสำเนาก็มิใช่ผู้มีอำนาจ แต่พยานบุคคลที่จำเลยนำเข้าสืบรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระวังแนวเขตที่ดินสาธารณะ: การยึดหลักเขตเดิมเป็นเกณฑ์ และการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของเจ้าหน้าที่
จำเลยมีหน้าที่ดูแล ที่สาธารณะภายในเขตรับผิดชอบ และการระวังแนวเขตบึงทรายกองดินด้าน ที่ติด กับที่ดินของโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติตาม คำสั่ง กระทรวงมหาดไทย ที่วางระเบียบปฏิบัติไว้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและถูกต้อง แล้วการคัดค้านแนวเขตที่ดินพิพาทเป็นไปโดยชอบด้วย กฎหมายและสุจริต จำเลยทั้งสี่มิได้ทำละเมิดสิทธิของโจทก์ เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้อง มีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้นฉะนั้น นอกจากเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ ว่า กระทรวงมหาดไทย ออกระเบียบปฏิบัติในการระวังแนวเขตที่สาธารณะไว้อย่างไร แม้เอกสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่อ้างเป็นพยานจะฟังไม่ได้เพราะไม่ใช่ต้นฉบับ และผู้ รับรอง สำเนาก็มิใช่ผู้มีอำนาจ แต่ พยานบุคคลที่จำเลยนำเข้าสืบรับฟังได้ .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรังวัดที่ดินต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ หากเป็นการรังวัดตามการนำชี้ของคู่ความโดยไม่ตรวจสอบหลักเขตเดิม ย่อมถือเป็นแนวเขตที่แน่นอนไม่ได้
โจทก์จำเลยพิพาทกันเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินที่มีโฉนดแล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า ให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดสอบเขตที่ดินโจทก์จำเลยเพื่อให้ทราบแนวเขตติดต่อระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยว่าอยู่ตำแหน่งใด โดยถือการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นยุตินั้น การรังวัดสอบเขตที่ดินต้องทำตามหลักวิชาการที่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดโดยการนำชี้มิใช่การสอบหาแนวเขตตามที่คู่ความตกลงกันถือไม่ได้ว่าเป็นแนวเขตที่แน่นอนและเป็นยุติ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4723/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาทหลังมีคำพิพากษา และการทำลายหลักเขตชั่วคราว ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
โจทก์จำเลยมีกรณีพิพาทฟ้องร้องแย่งสิทธิครอบครองที่นาพิพาทกันระหว่างพิจารณาคดีนั้นศาลอนุญาตให้จำเลยเข้าทำนาพิพาทโดยเสียค่าเช่าจำเลยย่อมมีสิทธิครอบครองที่พิพาทการที่จำเลยหว่านถั่วเขียวลงในที่นาพิพาทแม้หลังจากศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่นาพิพาทแล้วก็เป็นกรณีที่จำเลยไม่ยอมสละการครอบครองมิใช่เพิ่งเข้าไปครอบครองที่นาพิพาทในวันเวลาที่โจทก์ฟ้องการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก หลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในที่พิพาทเพื่อการรังวัดสอบเขตตามคำสั่งศาลเป็นเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์แก่การบังคับคดีมิใช่เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์การที่จำเลยถอนหลักไม้ดังกล่าวทิ้งจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา363.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายหลักเขตต้องแสดงสิทธิในที่ดินชัดเจน การรังวัดชั่วคราวไม่ผิดฐานทำลายหลักเขต
การยักย้ายหรือทำลายหลักเขตจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363 ก็ต่อเมื่อหลักหรือเครื่องหมายเขตนั้นเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่แสดงสิทธิแห่งอสังหาริมทรัพย์โดยแท้จริง การถอนหลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในการรังวัดอันเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์ในการทำแผนที่พิพาท ไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายหลักเขตต้องแสดงถึงการแสดงสิทธิในที่ดินที่แท้จริง การรังวัดชั่วคราวเพื่อทำแผนที่พิพาทไม่ถือเป็นความผิด
การยักย้ายหรือทำลายหลักเขตจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363 ก็ต่อเมื่อหลักหรือเครื่องหมายเขตนั้นเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่แสดงสิทธิแห่งอสังหาริมทรัพย์โดยแท้จริง การถอนหลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในการรังวัดอันเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์ในการทำแผนที่พิพาท ไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายหลักเขตป่าสงวน: ฟ้องต้องระบุรายละเอียดชัดเจน
ในฟ้องกล่าวบรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทำลายตราหลักเขตป่าสงวนซึ่งเจ้าพนักงานตีตราประทับไว้ที่ต้นไม้ส้าน ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ว่าเป็นตราที่เจ้าพนักงานประทับไว้ในการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141 ฟ้องอย่างนี้ศาลต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1841/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักเขตที่ลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ต้องเป็นหลักเขตที่จัดทำเพื่อออกโฉนดเท่านั้น
การที่ผู้ใดเคลื่อนย้ายหลักเขตอันจะมีโทษตาม ม.109 ได้นั้นจะต้องเป็นหลักเขตซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้จัดทำขึ้นเพื่อการออกโฉนดตาม ม.65,66 เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1841/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักเขตที่ลงโทษได้ตามกฎหมายที่ดิน ต้องเป็นหลักเขตที่เจ้าพนักงานที่ดินจัดทำเพื่อออกโฉนดเท่านั้น
การที่ผู้ใดเคลื่อนย้ายหลักเขตอันจะมีโทษตาม มาตรา 109ได้นั้นจะต้องเป็นหลักเขตซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้จัดทำขึ้นเพื่อการออกโฉนดตาม มาตรา 65,66 เท่านั้น