พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2428/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดเมื่อบัญชีเดินสะพัดหยุดเดิน ย่อมชอบหักเงินฝากชำระหนี้ได้
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นข้อตกลงของคู่สัญญาที่จะให้ มีสัญญาบัญชีเดินสะพัดคือการเบิกเงินเกินบัญชีในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของลูกหนี้ในธนาคารขึ้นอีกชั้นหนึ่ง เมื่อมีการ ปฏิบัติตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดกันแล้ว การชำระหนี้ย่อมจะต้อง ปฏิบัติ ตามวิธีการของสัญญาบัญชีเดินสะพัดคือให้กระทำเมื่อมีการ หัก ทอน บัญชีกัน และเรียกร้องให้ชำระเงินคงเหลือแล้วนั้น ฉะนั้น เมื่อ ครบกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีแล้ว หากคู่สัญญายังคงให้บัญชีเดินสะพัดเดินอยู่ต่อไปก็เห็นได้ว่า คู่สัญญา ยังไม่ถือว่ามีการผิดนัดจนกว่าจะได้มีการหักทอนบัญชีและ เรียกร้องให้ชำระเงินคงเหลือนั้นแล้ว แต่ถ้าหากบัญชีเดินสะพัด ไม่ เดิน ต่อไปแสดงว่าคู่สัญญาให้ถือว่าสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี เป็น อัน สิ้นสุด ลง ตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุในสัญญา หลังจากกำหนดระยะเวลาที่ระบุในสัญญากู้เบิกเกินบัญชี สิ้นสุด ลงแล้ว ไม่ปรากฏรายการเดินสะพัดในบัญชีอันจะเป็น หลักฐาน แสดง ว่าโจทก์ได้ยอมให้จำเลยลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชี ต่อไป อีก แสดง ว่าคู่สัญญาให้ถือว่าสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี เป็น อัน สิ้นสุด ลง ตาม กำหนดระยะเวลาที่ระบุในสัญญาแล้ว เงินฝากประจำที่จำเลยและ ช. นำมาเป็นประกันการกู้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลย มีข้อตกลงกับโจทก์ว่า หากจำเลยผิดสัญญายินยอมให้โจทก์หักเงินในบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าวชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เช่นนี้เมื่อสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดลงแล้ว จำเลยไม่ชำระ หนี้ย่อมเป็นการ ผิดนัดผิดสัญญา โจทก์ชอบที่จะปฏิบัติตามข้อตกลง โดยหักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของจำเลยและ ช. ชำระหนี้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักเงินฝากชำระหนี้เบิกเกินบัญชี และการคิดดอกเบี้ยหลังผิดนัดชำระหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์และมิได้ชำระหนี้คืนโจทก์ โจทก์ได้หักเงินฝากประจำของจำเลยที่ 2เข้าชำระหนี้เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2527 เป็นเงิน 2,000,000 บาทและต่อมาได้หักทอนบัญชีกันเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527จำเลยที่ 1 เป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีอยู่ 586,293.50 บาท ปรากฏตามภาพถ่ายบัญชีกระแสรายวันเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 7 ดังนี้แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่า ในวันที่ 26 เมษายน 2527 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์หักเงินฝากของจำเลยที่ 2 ใช้หนี้เบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 1 เป็นหนี้อยู่จำนวนเท่าใด เมื่อหักหนี้แล้วเหลืออยู่เท่าใดก็ตาม แต่จากข้อความดังกล่าวย่อมเป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่า ในวันที่โจทก์หักเงินฝากประจำของจำเลยที่ 2ชำระหนี้ นั้น จำเลยที่ 1 ย่อมจะเป็นหนี้โจทก์อยู่เกินกว่า2,000,000 บาท ทั้งตามภาพถ่ายบัญชีกระแสรายวันเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องก็ปรากฏรายการชัดแจ้งด้วยว่า ในวันดังกล่าวจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าใด ฟ้องโจทก์ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง ไม่เคลือบคลุม.