คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อัตรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 24 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5490/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากเกินทุนทรัพย์ที่กฎหมายกำหนด และแก้ไขค่าทนายความเกินอัตรา
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินติดต่อกับที่ดินของจำเลย สิ่งปลูกสร้างของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทั้งสอง ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปและให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 15,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้รุกกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสอง จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองและจำเลยต่างอ้างว่าตนเองเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จึงเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แม้จะมีคำขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกไปและให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 15,000 บาท มาด้วย แต่จะบังคับให้ได้หรือไม่เพียงใดนั้น เป็นผลต่อเนื่องมาจากข้อวินิจฉัยในเรื่องสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทอันเป็นประเด็นสำคัญในคดีนี้ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ที่ดินพิพาทตีราคาเป็นเงิน 67,875 บาท ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกักขังแทนค่าปรับ: อัตราค่าปรับและข้อจำกัดตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 60 บาท แต่ ป.อ.มาตรา30 บัญญัติว่า ในการกักขังแทนค่าปรับให้ถืออัตรา 70 บาท ต่อหนึ่งวัน ฉะนั้น การบังคับค่าปรับจึงกักขังแทนค่าปรับไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ.มาตรา 29,30 จึงเป็นการไม่ถูกต้อง เห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องเป็นว่า หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29 แต่ประการเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าวิชาชีพทนายความ: การกำหนดอัตรา, คดีต่อเนื่อง, และการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์ซึ่งเป็นทนายความรับว่าความให้กับจำเลยเพื่อฟ้อง ขับไล่ผู้เช่าออกไปจากตึกแถวและแผงลอยทั้งหมดโดยตกลง ค่าวิชาชีพกันไว้เป็นจำนวนแน่นอน เมื่อโจทก์ดำเนินการให้ จำเลยบรรลุวัตถุประสงค์คือดำเนินคดีฟ้องขับไล่และดำเนินการ ให้ผู้เช่าขนย้ายออกจากที่ดินที่เช่า เพื่อให้จำเลยซึ่งเป็น ตัวความเข้าครอบครองที่ดินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โจทก์ชอบ ที่จะได้รับค่าวิชาชีพเต็มตามจำนวน แม้จำเลยจะมีส่วนในการ ทำความตกลงกับผู้เช่าบางรายจนมีการประนีประนอมยอมความกันก็ตาม ในระหว่างที่โจทก์ดำเนินการฟ้องขับไล่ผู้เช่า ช.กับพวกซึ่งเป็นผู้เช่าได้ยื่นฟ้องจำเลยกับพวกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 10425/2534 กล่าวหาว่าจำเลยกับพวกร่วมกันทำสัญญาเช่าที่ดินโดยทุจริต ขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าและชดใช้ ค่าเสียหาย ต่อมาจำเลยได้ยื่นฟ้อง ช. กับพวกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 16093/2534 ฐานละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายคดีทั้งสองเรื่องดังกล่าวจำเลยได้มอบให้โจทก์เป็นทนายความ แก้ต่างและยื่นฟ้อง เมื่อคดีทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์กับคดี ที่จำเลยฟ้องขับไล่ ช. กับพวก จึงไม่ใช่คดีที่ต่อเนื่องกันจำเลยจึงต้องชำระค่าวิชาชีพในคดีแพ่งทั้งสองคดีรวมกัน โดยแยกต่างหากจากค่าวิชาชีพในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ ช. กับพวก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7389/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และการมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85(พ.ศ.2536) และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เมื่อคำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้ว สำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกินปริมาณ 0.500 กรัม ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก 0.98 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ประมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฯ มาตรา 106 ทวิ เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) เป็นคุณแก่จำเลย ทั้งนี้ตาม ป.อ. มาตรา 3แต่เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบว่า มีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2จำนวน 16 เม็ด ไว้ในครอบครองจริง จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ฯ มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักค่าใช้จ่ายในการประเมินภาษีนิติบุคคลตามอัตราที่กำหนดใน พร.ก. แม้ใช้กับบุคคลธรรมดา แต่ต้องใช้กับนิติบุคคลด้วย
แม้พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502จะใช้บังคับแก่กรณีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ตาม แต่เมื่อจำเลยนำพระราชกฤษฎีกา ฉบับดังกล่าวมาใช้เป็นเกณฑ์หักค่าใช้จ่ายเพื่อประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยก็ต้องหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาให้แก่โจทก์ตามอัตราที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6118/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คชำระดอกเบี้ยเกินอัตราทางกฎหมาย ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยกู้เงินโจทก์และได้ออกเช็คพิพาทชำระค่าดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกร้องเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็คไม่ได้ การที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งค่าจ้างไม่ระบุอัตรา แต่ยอมรับตามฟ้องโจทก์ ถือเป็นฟ้องแย้งชอบด้วยกฎหมาย
คำฟ้องของโจทก์ที่เรียกค่าเสียหายอ้างว่าจำเลยผิดสัญญารับจ้างทำการฟอกและย้อมผ้าโดยระบุอัตราค่าจ้างฟอกและย้อมผ้าไว้ชัดเจนแล้ว จำเลยให้การว่าไม่ได้ทำผิดสัญญาและฟ้องแย้งเรียกค่าจ้าง แม้คำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ระบุว่าค่าจ้างย้อมผ้าคิดในอัตราใด แต่จำเลยก็มิได้ปฏิเสธซึ่งต้องฟังว่า จำเลยยอมรับอัตราค่าจ้างตามฟ้อง ไม่จำเป็นต้องระบุไว้อีกในฟ้องแย้ง จึงเป็นฟ้องแย้งที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3581/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าบำเหน็จนายหน้าต้องชัดเจน หากไม่ชัดเจนศาลใช้ตามธรรมเนียม
ค่าบำเหน็จนายหน้าที่คู่สัญญาตกลงกันเป็นพิเศษจะต้องกำหนด กันไว้โดยชัดแจ้ง มิฉะนั้นจะต้องถือว่าตกลงกันเป็นจำนวนตามธรรมเนียมตามบทบัญญัติมาตรา 846 วรรคสอง แห่งป.พ.พ. เมื่อทางพิจารณาไม่อาจฟังเป็นยุติได้ว่ามีการตกลงกำหนด ค่าบำเหน็จนายหน้ากันไว้เท่าใดแน่นอน จึงต้องถือเอาอัตราตามธรรมเนียมซึ่งได้ความว่าจำนวนร้อยละ 5 ของราคาที่ซื้อขายกันแท้จริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินรางวัลให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.บำเหน็จฯ ต้องเป็นไปตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 8 วรรค 2 บังคับไว้ให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมผู้กระทำผิดในกรณีที่ไม่มีผู้นำจับเพียงร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับ การที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยจ่ายเงินรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของค่าปรับนั้น จึงไม่ถูกต้อง แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกาในข้อนี้ขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยแก้ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261-262/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมอายัดเงิน: เจ้าหนี้ผู้ขออายัดไม่ได้รับเงิน ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนด
การที่โจทก์ร้องขออายัดเงินของจำเลย และต่อมาได้มีการจ่ายเงินที่อายัดบางส่วนตามคำพิพากษาให้จำเลยไปเงินอายัดที่จ่ายให้จำเลยนั้นต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 1 ตามตาราง 5(4)ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเพราะเงินจำนวนนี้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ผู้ขออายัดมิได้รับไปเลย กรณีไม่เข้าตาราง 5(2)
of 3