พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเช่าทรัพย์สินทางปัญญา: เริ่มนับเมื่อมีอัตราค่าบริการที่ชัดเจน
การที่จำเลยได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากท่อร้อยสายและเส้นใยแก้วนำแสงอันเป็นสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ โดยมีการกำหนดอัตราค่าใช้บริการตามระยะทางที่ใช้งานจริงเป็นรายเดือนหรือช่วงระยะเวลาอันจำกัดตามระเบียบองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย จำเลยตกลงยอมชำระตามอัตราที่โจทก์กำหนดขึ้น อันมีลักษณะเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ เมื่อโจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการค้าและให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมทุกชนิดทุกประเภท รวมทั้งการดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวกับโทรคมนาคม วิทยุคมนาคม กับธุรกิจอื่นที่ต่อเนื่องและใกล้เคียงกัน ดังนั้น การให้เช่าท่อร้อยสายและเส้นใยแก้วนำแสงของโจทก์จึงเป็นการดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวกับโทรคมนาคม วิทยุคมนาคม กับธุรกิจอื่นที่ต่อเนื่องและใกล้เคียงกัน โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์เรียกเอาค่าเช่าสังหาริมทรัพย์จากจำเลย อันมีกำหนดอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (6)
ขณะอนุญาตให้จำเลยใช้บริการนั้นโจทก์ยังไม่ได้มีการกำหนดอัตราค่าใช้บริการไว้ โจทก์เพิ่งกำหนดอัตราค่าใช้เส้นใยแก้วนำแสงและอัตราค่าใช้ท่อร้อยสายตามระเบียบองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ซึ่งให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2540 และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2540 ตามลำดับ ย่อมแสดงว่าก่อนหน้าที่ระเบียบดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับโจทก์และจำเลยไม่อาจนำปริมาณการใช้ท่อร้อยสายและเส้นใยแก้วนำแสงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2537 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2540 มาคิดคำนวณเป็นค่าเช่าในแต่ละเดือนได้เพราะยังไม่มีการกำหนดอัตราค่าบริการกันไว้ ต่อมาเมื่อโจทก์มีระเบียบกำหนดอัตราค่าใช้เส้นใยแก้วนำแสงและอัตราค่าใช้ท่อร้อยสายใช้บังคับ โจทก์จึงสามารถนำอัตราค่าใช้บริการตามระเบียบดังกล่าว ไปคำนวณกับปริมาณการใช้งานจริงเพื่อให้ทราบถึงค่าเช่าในแต่ละเดือนได้ โจทก์จึงอาจใช้สิทธิเรียกร้องได้นับแต่วันที่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (6)
ขณะอนุญาตให้จำเลยใช้บริการนั้นโจทก์ยังไม่ได้มีการกำหนดอัตราค่าใช้บริการไว้ โจทก์เพิ่งกำหนดอัตราค่าใช้เส้นใยแก้วนำแสงและอัตราค่าใช้ท่อร้อยสายตามระเบียบองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ซึ่งให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2540 และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2540 ตามลำดับ ย่อมแสดงว่าก่อนหน้าที่ระเบียบดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับโจทก์และจำเลยไม่อาจนำปริมาณการใช้ท่อร้อยสายและเส้นใยแก้วนำแสงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2537 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2540 มาคิดคำนวณเป็นค่าเช่าในแต่ละเดือนได้เพราะยังไม่มีการกำหนดอัตราค่าบริการกันไว้ ต่อมาเมื่อโจทก์มีระเบียบกำหนดอัตราค่าใช้เส้นใยแก้วนำแสงและอัตราค่าใช้ท่อร้อยสายใช้บังคับ โจทก์จึงสามารถนำอัตราค่าใช้บริการตามระเบียบดังกล่าว ไปคำนวณกับปริมาณการใช้งานจริงเพื่อให้ทราบถึงค่าเช่าในแต่ละเดือนได้ โจทก์จึงอาจใช้สิทธิเรียกร้องได้นับแต่วันที่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4775/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดเก็บค่าบริการสาธารณูปโภคในหมู่บ้านจัดสรร การกำหนดอัตราตามจำนวนชั้นของบ้านไม่ขัดกฎหมาย
สมาชิกของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ชำระค่าบริการสาธารณูปโภคตามที่คณะกรรมการหมู่บ้านกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกมีมติเห็นชอบด้วยเสียงข้างมากให้จัดเก็บ โดยการจัดเก็บเป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 มาตรา 49 วรรคหนึ่ง วรรคห้า และระเบียบคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่าย หลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และการจัดการสาธารณูปโภคและการจัดทำบัญชี พ.ศ.2545 หมวด 1 ข้อ 5 เมื่อพิจารณาตาม พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดินฯ และระเบียบคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางฯ ดังกล่าวแล้ว ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าการจัดเก็บค่าบริการสาธารณูปโภคอาจจะจัดเก็บแยกประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงจัดสรรหรือขนาดพื้นที่ มิได้กำหนดเป็นระเบียบไว้ว่า ที่ดินแปลงย่อยที่ใช้ประโยชน์ประเภทเดียวกันดังกรณีคดีนี้ที่ใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงจัดสรรภายในหมู่บ้านทุกแปลงเพื่อการอยู่อาศัย ให้กำหนดค่าบริการสาธารณูปโภคเป็นรายเดือนตามขนาดพื้นที่ที่หมายถึงจำนวนพื้นที่ของที่ดินเป็นตารางวาคำนวณเป็นตารางวาตามความกว้างและความยาวของที่ดินที่สร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัย จะนำจำนวนชั้นของบ้านหรือขนาดพื้นที่ใช้สอยเป็นที่อยู่อาศัยเป็นหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าใช้จ่ายในอัตราที่แตกต่างกันไม่ได้ นอกจากนี้ ตามบทบัญญัติมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และระเบียบคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางดังกล่าวที่ใช้ถ้อยคำทำนองเดียวกันว่า "...อาจกำหนดค่าใช้จ่ายในอัตราที่แตกต่างกันที่จะจัดเก็บจากที่ดินแปลงย่อยในโครงการจัดสรรที่ดินทุกแปลงในอัตราตามประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือขนาดพื้นที่..." แสดงว่าบทบัญญัติและระเบียบดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางหรือคำแนะนำให้จำเลยที่ 1 ใช้ในการกำหนดอัตราค่าบริการสาธารณูปโภคเท่านั้น มิใช่บทบังคับให้ต้องปฏิบัติตาม อัตราค่าบริการสาธารณูปโภคที่กำหนดตามความสูงหรือจำนวนชั้นของบ้านจึงไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดินฯ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง วรรคห้า และระเบียบคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางฯ