คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาชญากรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6709/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบยานพาหนะที่ใช้ในการหลบหนีหลังก่ออาชญากรรม ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดโดยตรง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นพาหนะในการบรรทุกยางพาราหลบหนีอันเป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไป เป็นการบรรยายฟ้องเพื่อให้ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ ซึ่งเป็นบทบัญญัติเพื่อเพิ่มโทษหากผู้กระทำผิดใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม แต่บทบัญญัติดังกล่าวก็มิได้บัญญัติให้ถือว่ายานพาหนะนั้นเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดด้วย ดังนั้น การที่จำเลยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการบรรทุกยางพาราหลบหนี ก็มิได้หมายความว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเครื่องมือหรือเป็นส่วนหนึ่งในการลักทรัพย์ รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดฐานลักทรัพย์โดยตรง ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลมีอำนาจสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6510/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดรับของโจร: สนับสนุนอาชญากรรมร้ายแรง ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจเหมาะสม ไม่รอการลงโทษ
ความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่มีส่วนสนับสนุนก่อให้เกิดอาชญากรรมอื่น ๆ ติดตามมาอีกมากมายจึงเป็นเรื่องร้ายแรง สมควรที่จะปราบปรามอย่างเด็ดขาดอีกทั้งทรัพย์ที่จำเลยรับของโจรเป็นรถจักรยานยนต์ซึ่งมีราคาสูง การไม่รอการลงโทษแก่จำเลยจึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1935/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษผู้เสพยาเสพติด: หลักนิติธรรมและการเยียวยามากกว่าการลงโทษก่อนก่ออาชญากรรม
ในกรณีเป็นผู้เสพยาเสพติดนั้น ย่อมเกิดผลร้ายแก่ตัวผู้เสพซึ่งพึงต้องได้รับการเยียวยาแก้ไขเป็นเบื้องต้นส่วนปัญหาที่โจทก์อ้างว่าเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมนั้นเป็นเพียงแนวโน้มซึ่งมิได้เป็นจริงทุกกรณี ตราบใดที่ผู้เสพติดยังมิได้กระทำการใดขึ้นเป็นการก่ออาชญากรรมการลงโทษรุนแรงไว้ก่อนย่อมเป็นดังการลงโทษล่วงหน้าสำหรับความผิดที่ยังมิได้เกิด เป็นการลงโทษที่ขัดต่อหลักนิติธรรม เป็นนโยบายการป้องกันที่ผิดและสร้างปัญหาให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเท็จจริงแห่งคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยมีการกระทำที่เป็นส่วนแห่งการก่ออาชญากรรม หรือมีส่วนสนับสนุนแพร่กระจายยาเสพติด เหตุผลต่าง ๆ ที่โจทก์อ้างในฎีกาจึงเป็นการสรุปที่ให้ผลร้ายแก่จำเลยที่ เกินเหตุไม่อาจรับฟังเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลล่างทั้งสอง ที่ให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำลองเหตุการณ์อาชญากรรมและการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐานและคำเบิกความของผู้เสียหาย
จำเลยใช้อาวุธมีดจี้บังคับผู้เสียหายเข้าไปในรถยนต์ตู้แล้วผลักผู้เสียหายให้นอนหงายอยู่บนพื้นรถ เอาสก๊อตซ์เทปปิดปากและปิดตา ผู้เสียหายดิ้นใช้มือดึงสก๊อตซ์เทปที่ปิดตาออกและสก๊อตซ์เทปที่ปิดปากหลุดเอง ผู้เสียหายขอร้องไม่ให้จำเลยฆ่า จำเลยรับปากแต่จะนำผู้เสียหายไปด้วย จำเลยนำเชือกไนล่อนมาผูกมือโยงไปที่ขาทั้งสองข้าง เอากุญแจมือมาสวมใส่มือผู้เสียหายไว้นำผ้าเช็ดหน้ามาผูกปากและใช้สก๊อตซ์เทปปิดตาผู้เสียหาย จากนั้นได้ขับรถยนต์ออกไป ผู้เสียหายดิ้นจนกุญแจมือหลุดออก แก้เชือกและเปิดประตูรถจำเลยได้หยุดรถแล้วผู้เสียหายกระโดดรถหนีออกมาได้ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารจอดรถของศูนย์สรรพสินค้า แม้เป็นเวลากลางคืนและผู้เสียหายไม่รู้จักจำเลยมาก่อนแต่ที่เกิดเหตุมีไฟฟ้าเปิดอยู่และผู้เสียหายยืนยันว่ามองเห็นกันได้ชัด เชื่อว่าผู้เสียหายมองเห็นจำเลยได้ชัดพอที่จะจำได้ว่าเป็นคนร้าย ที่ผู้เสียหายเบิกความว่าจำคนร้ายได้เพราะมีโอกาสเห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจนจึงมีเหตุผลน่าเชื่อและรับฟังได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาชญากรรมโดยอ้างบทกฎหมายที่ถูกยกเลิก ศาลฎีกาแก้ไขโทษตามกฎหมายใหม่ได้
ปรากฏตามคำขอท้ายฟ้องว่า โจทก์ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 78 พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 7)พ.ศ. 2522 มาตรา 8 แต่ขณะที่จำเลยกระทำผิดมาตราดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดย พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530มาตรา 3 และแก้ไขมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490โดยให้ใช้ข้อความใหม่แทน ซึ่งการกระทำของจำเลยต้องฟ้องก็ยังคงถือเป็นความผิดตามบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่ ทั้งผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกขั้นต่ำตามกฎหมายใหม่ตั้งแต่ 2 ปี เช่นเดียวกับกฎหมายเดิมที่ถูกยกเลิกไปโจทก์ยังคงขอให้ลงโทษจำเลยตามพ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 55 และ 78 เพียงแต่อ้างบทกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 78 ดังกล่าวผิดพลาดไปหาใช่กรณีโจทก์ไม่ประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวไม่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามบทบัญญัติที่ถูกยกเลิกไปแล้วตามคำขอท้ายฟ้องซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากจ้างวาน ศาลยืนโทษประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยดักยิงฆ่าคนตามที่รับจ้างมา เป็นฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินเตรียมใช้ก่ออาชญากรรม ศาลริบได้ตามกฎหมาย
เงินที่จำเลยเตรียมไว้ให้แก่ผู้รับจ้างฆ่าผู้ตาย เป็นเงินที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด ศาลริบได้ตาม มาตรา 33

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าและการแจ้งความเท็จจากเหตุการณ์ยิง
จำเลยฝ่ายเดียวเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย แล้วไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าผู้เสียหายใช้มีดแทงพยายามชิงทรัพย์จำเลยโดยผู้เสียหายมิได้กระทำผิด จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าและผิดฐานแจ้งความเท็จอีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับพยานหลักฐานทางอ้อมและการเพิ่มโทษอาชญากรจากประวัติอาชญากรรม
แม้จำเลยจะมิได้ให้การรับในข้อต้องโทษ และพ้นโทษในวันที่ศาลสอบคำให้การจำเลย แต่ก็ได้ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยซึ่งได้อ้างตัวเองเป็นพยานต่อศาลว่าจำเลยเคยต้องโทษตามฟ้องจริง คำว่า ตามฟ้อง นั้นต้องหมายความถึงวันพ้นโทษของจำเลยด้วย เพราะโจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องแล้วว่า จำเลยพ้นโทษมา และยังได้ท้าวถึงประวัติอาชญากรซึ่งโจทก์ส่งมาเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องอีก ฉะนั้น เมื่อจำเลยรับว่าเคยต้องโทษต้องฟ้องจริง ก็เท่ากับจำเลยรับให้ข้อพ้นโทษในคดีก่อนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษอาชญากรรมที่กระทำนอกอาณาเขตไทย: หลักการสืบข้อเท็จจริงกฎหมายต่างประเทศ
ผู้ร้ายกว่า 3 คนถืออาวุธครบมือขึ้นไปบนบ้านเขาแล้วเที่ยวเก็บทรัพย์ เจ้าของบ้านมีความกลัวจึงลงเรือนหนีไป กิริยาเช่นนี้เรียกว่าเป็นการขู่เข็ญตาม ม.298 และเป็นผิดฐานปล้นตามมาตรา 301
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดภายนอกพระราชอาณาจักร์สยามเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบความให้ครบ 4 ประการดังที่ระบุไว้ในมาตรา 10(4) จึงจะลงโทษจำเลยได้
ฟ้องว่าจำเลยทำผิดฐานปล้นทรัพย์และลักทรัพย์ที่เมืองไทรย์บุรี โจทก์สืบแต่เพียงวากฎหมายเรื่องปล้นในเมืองไทรย์บุรีมีอย่างไรแต่มิได้สืบกฎหมายในเรื่องลักทรัพย์จะลงโทษฐานลักทรัพย์ด้วยไม่ได้
ความสันนิษฐาน
ศาลจะสันิษฐานเสียเองโดยไม่ฟังคำพะยานว่ากฎหมายของประเทศหนึ่งมีลักษณเช่นไรนั้นไม่ได้
of 2