พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์ การใช้สิทธิอายัดรถยนต์โดยสุจริต
จำเลยซื้อรถยนต์พิพาทมาจากป. แต่ยังไม่ได้โอนทะเบียนเป็นชื่อจำเลยต่อมามีผู้อ้างว่าชื่อธ. นำรถยนต์มาขอแลกเปลี่ยนกับรถยนต์พิพาทจำเลยก็ตกลงแลกเปลี่ยนให้หลังจากนั้นโจทก์ได้รับซื้อรถยนต์พิพาทไว้จากชายคนหนึ่งอีก2วันต่อมาจำเลยทราบว่าทะเบียนรถที่ธ. นำมาแลกเปลี่ยนเป็นทะเบียนปลอมเจ้าของรถที่แท้จริงไม่ใช่ธ. จำเลยจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนและขออายัดรถยนต์พิพาทไว้เมื่อได้ความว่าก่อนตกลงแลกเปลี่ยนรถกันจำเลยได้ตรวจดูเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ที่ธ. นำมาขอแลกเปลี่ยนแล้วปรากฏว่าตรงกับในทะเบียนรถและรูปถ่ายในบัตรประชาชนที่นำมาแสดงเหมือนกับผู้ที่อ้างว่าเป็นธ. ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังพอสมควรแล้วแม้จะถือว่านิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทตกเป็นโมฆะเพราะทำด้วยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยกระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจำเลยจึงไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตน และย่อมมีสิทธิในการขออายัดรถยนต์พิพาทได้โดยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าเสียหายจากประกันภัยและการคืนเงินกรณีรถยนต์ถูกลัก - สิทธิเรียกร้องเมื่อรถยนต์ถูกอายัด
จำเลยได้รถยนต์คันพิพาทมาจากผู้มีชื่อโดยการตีราคาแลกเปลี่ยนกับรถยนต์คันเดิมของจำเลยต่อมารถพิพาทถูกรถยนต์คันซึ่งเอาประกันภัยไว้กับบริษัทโจทก์ชนเสียหายโดยฝ่ายหลังเป็นฝ่ายผิด เป็นเหตุให้บริษัทโจทก์มีหน้าที่ต้องรับผิดในผลแห่งความเสียหายต่อจำเลยโจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยโอนรถพิพาทให้โจทก์และโจทก์ยอมจ่ายเงินให้จำเลย 65,000 บาท ต่อมาโจทก์ได้ขายรถยนต์พิพาทให้ ส. เป็นเงิน 35,000 บาทส. ได้นำไปซ่อมเสียค่าซ่อมไป 15,000บาท ความปรากฏต่อเจ้าพนักงานต่อมาว่ารถยนต์พิพาทเป็นของผู้อื่นที่ถูกลักไป จึงยึดและคืนให้แก่เจ้าของ ส. จึงฟ้องโจทก์กับพวกเป็นจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินราคารถยนต์ที่รับไว้จาก ส. 35,000 บาทและค่าซ่อมอีก 15,000 บาทแก่ส. โจทก์จึงมาฟ้องเรียกเงิน 65,000 บาท กับค่าซ่อมรถที่โจทก์จ่ายให้ ส. ไป15,000 บาท จากจำเลย ดังนี้ การที่โจทก์ยอมใช้เงิน (65,000บาท) ให้จำเลยแล้วรับโอนรถพิพาทไปก็เพราะโจทก์มีความรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อจำเลยในมูลประกันภัยเป็นคนละเรื่องกับการที่โจทก์ได้ขายรถให้ ส. ไป เมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์เต็มตามจำนวน 65,000 บาท แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิจะเอาเรื่องความรับผิดในการรอนสิทธิในระหว่าง ส. กับโจทก์มาเป็นข้ออ้างเพื่อเอาเงินค่าซ่อมรถจากจำเลยอีกได้