คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจจัดการทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4561/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยทวงหนี้จากลูกหนี้ของจำเลยตาม มาตรา 119 สิทธิเรียกร้องของจำเลยจะต้องมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เพราะเมื่อมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว อำนาจจัดกิจการทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 6 และมาตรา 22เมื่อผู้ร้องซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยเข้าจัดการทรัพย์สินของจำเลยหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยชั่วคราว โดยเบิกเงินจากบัญชีของจำเลย จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องว่ากล่าวกับผู้ร้องต่างหาก เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจใช้อำนาจตามมาตรา 119 เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระเงินดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินของภรรยาและการพิพาทเรื่องโมฆะนิติกรรม การกำหนดราคาคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นภรรยาของโจทก์ ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินซึ่งเป็นสินบริคณห์ให้จำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ และโจทก์ได้บอกล้างแล้วขอให้ศาลแสดงว่านิติกรรมเป็นโมฆะ จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นภรรยาของโจทก์ และมีอำนาจทำนิติกรรมนั้นได้ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทำพินัยกรรมของคู่สมรส: สินเดิม vs. สินสมรส และสิทธิของคู่สมรสเมื่อคู่สมรสเสียชีวิต
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1625 บัญญัติให้แบ่งทรัพย์ของคู่สมรสที่ตายอย่างหย่า และมาตรา 1513(1)(2)ก็ให้คืนสินเดิมแก่คู่สมรส หากขาดไปก็ยังต้องเอาสินสมรสใช้สินเดิมเสียก่อน ด้วยเหตุนี้ ทรัพย์อันได้ความว่าเป็นสินเดิมของ ช.จึงเป็นของช. ผู้เดียว โดยโจทก์หามีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ด้วยไม่ ช. ย่อมมีอำนาจจัดการกับทรัพย์ของตนโดยทำพินัยกรรมยกให้แก่พวกจำเลยไปทั้งหมดได้ เพราะไม่เป็นการเกินส่วนของตนตามมาตรา 1477
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้า ขอให้ศาลสั่งว่าทรัพย์สินที่ช. ทำพินัยกรรมยกให้จำเลยทั้งห้าเป็นสินบริคณห์ของโจทก์กึ่งหนึ่ง ให้เพิกถอนพินัยกรรมในส่วนที่เกี่ยวกับสินบริคณห์ของโจทก์ จำเลยที่ 1,4 และ 5 มิได้ต่อสู้คดีและขาดนัดพิจารณา ดังนี้ มูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในทรัพย์ส่วนที่เป็นสินเดิมของ ช.ย่อมไม่พิพากษาแบ่งให้โจทก์ ตามคำให้การยินยอมของจำเลยที่ 1,4และ 5

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่ผู้เดียวในการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยย่อมหมดอำนาจที่จะทำการใด ๆ เกี่ยวแก่ทรัพย์สินของจำเลย การจัดการรวมทั้งการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะจัดการแต่ผู้เดียว ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯ การที่จะต่อสู้ว่าการทำสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางความจริงที่จำเลยจำนองไว้กับฝ่ายโจทก์นั้น จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินการต่อไป และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้วโดยจำเลยมิได้โต้แย้ง คำแถลงนี้แต่ประการใด จำเลยจะยกข้อนี้ขึ้นมาต่อสู้และจะขอสืบพยานอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินหลังพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยย่อมหมดอำนาจที่จะทำการใดๆ เกี่ยวแก่ทรัพย์สินของจำเลย การจัดการรวมทั้งการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะจัดการแต่ผู้เดียว ตามมาตรา22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายการที่จะต่อสู้ว่าการทำสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางความจริงที่จำเลยจำนองไว้กับฝ่ายโจทก์นั้น จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินการต่อไป และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้วโดยจำเลยมิได้โต้แย้งคำแถลงนี้แต่ประการใด จำเลยจะยกข้อนี้ขึ้นมาต่อสู้และจะขอสืบพยานอีกหาได้ไม่