พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องและการพิจารณาคดีเมื่อจำเลยไม่มาศาล ศาลมีอำนาจพิพากษาได้
โจทก์ฟ้องข้อ 1 โดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 53,000 บาท แล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่าเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2531 จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินมอบให้โจทก์ เนื่องจากก่อนทำสัญญากู้เงินฉบับดังกล่าวจำเลยเป็นหนี้ค่าสินค้าโจทก์อยู่จำนวน 33,000 บาท วันที่2 มีนาคม 2531 จำเลยได้มาขอกู้เงินโจทก์จำนวน 20,000 บาท และได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว รวมกับหนี้ที่จำเลยค้างค่าสินค้าเป็นหนี้ทั้งสิ้น 53,000 บาท เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดว่าหนี้ตามสัญญากู้เงินมีมูลมาจากอะไรบ้าง จึงเป็นการแก้ไขคำฟ้องโดยยังคงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไว้เหมือนเดิม คือจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 53,000 บาท ไม่ใช่เป็นการถอนฟ้องในข้อ 1 เดิมทั้งหมดออกไปแล้วเอาข้อความใหม่เข้าแทน ศาลจึงอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยโดยจำเลยทราบวันนัดโดยชอบแล้วเมื่อจำเลยไม่มาศาลในเวลานัด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน คดีเป็นอันเสร็จการพิจารณา ดังนี้ถือได้ว่าการพิจารณาคดีเป็นอันสิ้นสุดลง ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาคดีไปในวันที่มีคำสั่งนั้นได้โดยไม่ต้องแจ้งกำหนดวันเวลานัดฟังคำพิพากษาดังกล่าวให้จำเลยทราบตาม ป.วิ.พ.มาตรา 133 อีก
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยโดยจำเลยทราบวันนัดโดยชอบแล้วเมื่อจำเลยไม่มาศาลในเวลานัด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน คดีเป็นอันเสร็จการพิจารณา ดังนี้ถือได้ว่าการพิจารณาคดีเป็นอันสิ้นสุดลง ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาคดีไปในวันที่มีคำสั่งนั้นได้โดยไม่ต้องแจ้งกำหนดวันเวลานัดฟังคำพิพากษาดังกล่าวให้จำเลยทราบตาม ป.วิ.พ.มาตรา 133 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1296/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนั่งพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น: ผู้พิพากษาต้องนั่งพิจารณาคดีเพื่อให้มีอำนาจพิพากษาได้
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่ได้นั่งพิจารณาฟังประเด็นกลับและจำเลยแถลงหมดพยานในวันดังกล่าวถือว่าเป็นผู้นั่งพิจารณาคดีชอบที่จะพิพากษาคดีในศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา183
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งเนรเทศจาก พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร: ศาลไม่มีอำนาจพิพากษา
พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ม.31 ที่ให้เนรเทศผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นคนต่างด้าวไปนอกราชอาณาจักร์นั้น ไม่ใช่กรณีที่บัญญัติให้ศาลพิพากษา ศาลจะพิพากษาให้เนรเทศมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงในการพิพากษาคดี แม้มิได้นั่งพิจารณา
เมื่อกฎหมายให้ผู้พิพากษาลงนามในคำพิพากษาได้แล้วก็ย่อมเป็นผู้ทำคำพิพากษาได้ด้วย
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงนั้น แม้มิได้นั่งพิจารณาก็มีอำนาจพิพากษาคดีเพียงคนเดียวได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2489
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงนั้น แม้มิได้นั่งพิจารณาก็มีอำนาจพิพากษาคดีเพียงคนเดียวได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2489