คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อ่างเก็บน้ำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินที่ผู้คัดค้านยินยอมโอนให้เพื่อใช้สร้างอ่างเก็บน้ำ ย่อมตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
คำร้องขอบรรยายว่าที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของ แผ่นดิน ผู้คัดค้านโต้แย้งว่าเป็นที่ดินของผู้คัดค้านปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่จึงเป็นประเด็นโดยตรงในคดี การพิจารณาว่าประเด็นแห่งคดี มีอย่างไร ต้องพิจารณาข้ออ้างและข้อเถียงทั้งจากคำฟ้อง และคำให้การ แม้ผู้ร้องจะเริ่มคดีโดยทำเป็นคำร้องขอ แต่เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ก็ต้องดำเนินคดี อย่างคดีมีข้อพิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยคดี ไม่มีความจำเป็นต้อง ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยก่อน เมื่อปรากฏว่า ศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยสืบพยานผู้ร้องและผู้คัดค้านมาจนเสร็จสิ้นกระแสความแล้ว ย่อมเพียงพอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีไปได้โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานและเอกสารในสำนวน ผู้คัดค้านซื้อที่ดินพิพาทมาให้ผู้ร้องที่ 2 ใช้ร่วมกับคูคลองและลำห้วยซึ่งเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ อยู่เดิมเพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ในกิจการของ ผู้คัดค้านและเพื่อประโยชน์ของราษฎรในบริเวณนั้น จึงมีลักษณะเป็นการใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ ประกอบกับการที่ผู้คัดค้านแจ้งแก่ผู้ร้องว่า ยินดีโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องเป็นการยืนยันเจตนาว่าจะให้ใช้ที่ดินพิพาทเพื่อสาธารณประโยชน์ถือว่าผู้คัดค้านมีเจตนาสละที่ดินพิพาทให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การแสดงเจตนาย่อมมีผลทันที ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 ผู้คัดค้านไม่อาจ ยกเงื่อนไขที่ตนมีต่อผู้ร้องขึ้นอ้างเพื่อลบล้างสภาพของที่ดิน ซึ่งตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อีกทั้งทรัพย์สิน ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่ อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการสร้างอ่างเก็บน้ำ - ความรับผิดของผู้สร้างและผู้ดูแล - อายุความละเมิดต่อเนื่อง
สำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กรมชลประทานจำเลยที่ 2รับผิดชอบในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพิพาท โดยงบประมาณการก่อสร้างเป็นของจำเลยที่ 2 เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าว การสร้างอ่างเก็บน้ำพิพาทแม้จะเกิดจากการริเริ่มของสภาตำบล ช. และความประสงค์ของราษฎรในพื้นที่ที่จะได้รับประโยชน์จากการกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งแต่ก็เกิดผลกระทบต่อราษฎรบางส่วน เพราะทำให้เกิดน้ำท่วมที่ดินของราษฎรด้วย ทางราชการไม่มีเงินสำหรับชดเชยความเสียหายที่ไม่สามารถประกอบอาชีพทำนาและทำไร่ได้ตามปกติ จึงให้จำเลยที่ 1 ตกลงกับราษฎรให้สละที่ดินเสียก่อนจึง ดำเนินการก่อสร้าง จำเลยที่ 2 ได้แจ้งถึงผลกระทบที่จะเกิด หลังก่อสร้างเสร็จให้จำเลยที่ 1 ทราบและให้จำเลยที่ 1 แก้ไขปัญหาให้แก่ราษฎร ผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการ สร้างอ่างเก็บน้ำ หากแก้ไขไม่ได้ให้จำเลยที่ 1 เสนอให้ระงับ โครงการ แต่จำเลยที่ 1 ยืนยันให้จำเลยที่ 2 ก่อสร้างต่อไป อ้างว่าได้แก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำต่อไปจึงมิใช่เป็นผู้มีส่วนผิด ในงานที่ทำ ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ที่ดินของโจทก์ถูกน้ำท่วมตลอดมาตั้งแต่ปี 2528 จนถึงวันฟ้อง เป็นการละเมิดต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงวันฟ้องโจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2533 คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ