คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เกินกว่าเหตุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันทรัพย์สินเกินกว่าเหตุ: การใช้ไฟฟ้าแรงสูงป้องกันแตงโมเกินสมควร
โจทก์บรรยายฟ้องไว้โดยชัดแจ้งว่าเด็กชาย ค. เข้าไปลักแตงโมในไร่ของจำเลย และจำเลยได้ต่อและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านพักผ่านรั้วลวดหนาม เป็นเหตุให้เด็กชาย ค. ซึ่งสัมผัสรั้วลวดหนามถูกกระแสไฟฟ้าดูดจนถึงแก่ความตาย และจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังเป็นยุติได้ตามคำฟ้องของโจทก์ ดังนี้ การที่ผู้ตายเข้าไปลักแตงโมในไร่ของจำเลยดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ตายได้กระทำการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายต่อทรัพย์ของจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิที่จะป้องกันทรัพย์สินของตนเองได้ แต่การที่จำเลยต่อและปล่อยกระแสไฟฟ้าซึ่งมีแรงเคลื่อนสูงถึง 220 โวลท์ ที่สามารถทำให้ดูดคนให้ถึงแก่ความตายได้ ทั้งที่ทรัพย์ที่จำเลยมีสิทธิกระทำการป้องกันคือแตงโมมีราคาไม่สูงมากนัก ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำตาม ป.อ. มาตรา 69 ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ และมิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์ฎีกา แต่ศาลฎีกายกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 318/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ จำเลยใช้อาวุธร้ายแรงยิงผู้เสียหาย ศาลยืนโทษจำคุก
ผู้เสียหายตั้งใจจะหาเรื่องจำเลย เนื่องจากมีสาเหตุทะเลาะวิวาทกันมาก่อน ถือได้ว่าการกระทำของผู้เสียหายเป็นอันตรายต่อจำเลย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดพอสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันตนเองได้ แต่การที่ผู้เสียหายเพียงแค่ใช้อาวุธมีดดาบปัดอาวุธปืนของจำเลยไปมาและท้าให้จำเลยยิงโดยมิได้เงื้ออาวุธมีดดาบขึ้นในลักษณะจะฟันทำร้ายจำเลย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงผู้เสียหายถูกบริเวณไหปลาร้าขวาซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกายจึงไม่เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ แต่เป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตาม ป.อ. มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การใช้อาวุธปืนยิงที่ใบหน้า แม้ถูกทำร้ายด้วยมีด
จำเลยยิงผู้ตายเพราะผู้ตายจะใช้มีดแทง จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัว แต่แม้จำเลยจะไม่มีหน้าที่ต้องหนีการที่จำเลยมีอาวุธปืนที่ร้ายแรงกว่า จำเลยอาจเลือกยิงร่างกายส่วนที่สำคัญน้อยหรือเป็นอันตรายน้อยเพียงเพื่อยับยั้งผู้ตาย แต่จำเลยกลับใช้อาวุธปืนเล็งยิงไปที่ใบหน้า จึงเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2925/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันทรัพย์สินเกินกว่าเหตุ การใช้กำลังทำร้ายผู้ลักทรัพย์ ศาลพิจารณาความเกินกว่าเหตุและลดโทษ
ผู้ตายคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนได้เข้าไปเพื่อจะลักเอาไก่ที่จำเลยเลี้ยงไว้ แต่ได้ไปสะดุดสายไฟฟ้าที่ จำเลยผูกกับกระป๋องน้ำอัดลมทำให้เกิดเสียงดังขึ้น ผู้ตายทั้งสองจึงออกมายืนซุ่ม เพื่อรอดูเหตุการณ์และก็ยังประสงค์ที่จะเข้าไปลักเอาไก่ของจำเลยอยู่อีก เพราะมิฉะนั้น ผู้ตายทั้งสองคงจะหลบหนีไปได้เนื่องจากมีเวลาเพียงพอกว่าที่ จำเลยจะตื่นขึ้นและตามหาได้ ดังนั้น พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ทรัพย์ของจำเลยยังมีอยู่และใกล้จะถึงแล้ว การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายทั้งสองจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์ของตน อย่างไรก็ตามเนื่องจากขณะที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายทั้งสองนั้น ไม่ปรากฏว่าผู้ตายทั้งสองจะทำร้ายหรือต่อสู้จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบ มาตรา 69
ปัญหาที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน เป็นปัญหา ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7237/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แม้ถูกทำร้ายก่อน แต่การตอบโต้ด้วยอาวุธเกินกว่าเหตุ ไม่ถือเป็นการป้องกันตามกฎหมาย
ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ถูกวัยรุ่นคนหนึ่งทำร้าย หลังจากเหตุการณ์สงบแล้วเล็กน้อย จำเลยทั้งสองจึงเข้าไป ร่วมกันใช้อาวุธมีดฟันและแทงผู้ตายฝ่ายเดียว การกระทำของจำเลยทั้งสองในลักษณะดังกล่าวหาใช่เป็นการกระทำโดย ป้องกันตาม ป.อ. มาตรา 68 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6421/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากการใช้อาวุธปืนเกินกว่าเหตุในการจับกุมผู้กระทำผิดจราจร
สิบตำรวจโท ส. จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพกขนาด .357ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของจำเลยยิงไปที่รถยนต์บรรทุกคันกระสุนปืนถูกที่ตัวถังรถบริเวณประตูด้านคนขับและประตูตู้ท้ายรถ ในขณะที่ผู้เสียหายนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ จุดที่กระสุนปืนถูกที่ประตูรถยนต์ที่ผู้เสียหายขับเป็นจุดที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับในระดับที่จะถูกร่างกายของผู้เสียหายพอดี แต่เนื่องจากกระสุนปืนทะลุไปถูกเหล็กกันกระแทกด้านข้าง จึงไม่ทะลุต่อไปไม่เช่นนั้นกระสุนคงจะถูกร่างกายของผู้เสียหายแน่นอน จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจย่อมรู้อยู่แก่ใจดีแล้วว่า อาวุธปืนพกขนาด .357 เป็นอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายร้ายแรงจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
สิบตำรวจโท ส. จำเลยเพียงแต่ต้องการจับกุมผู้เสียหายที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการจอดรถในที่ห้ามจอดซึ่งเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย (ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท) จำเลยหามีสิทธิที่จะใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นการใช้มาตรการในการจับกุมที่รุนแรงที่สุดไม่ หากผู้เสียหายไม่ยอมให้จับกุมและจะขับรถหลบหนีไป จำเลยก็เพียงแต่ใช้วิทยุแจ้งป้อมยามข้างหน้าที่คาดว่ารถของผู้เสียหายจะขับผ่านให้ช่วยสกัดจับหรือขับรถจักรยานยนต์ติดตามไปสกัดจับก็น่าจะทำได้ แต่การที่จำเลยนำอาวุธปืนมาใช้ในกรณีนี้นอกจากจะไม่มีสิทธิจะกระทำได้แล้วยังเป็นการกระทำที่เกินจำเป็นที่จะใช้ในการจับกุมอีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7332/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อาวุธปืนป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการพยายามฆ่าผู้อื่น
จำเลยยิง ด. ด้วยอาวุธปืนลูกซองสั้นของกลาง โดยอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นขนาด 12 ซึ่งเป็นขนาดที่มีลำกล้องใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ในปัจจุบันแต่เป็นอาวุธปืนที่ประกอบขึ้นเอง ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีความแม่นยำ กระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงเป็นกระสุนลูกปรายยิงนัดเดียวถูกหลายคนหลายที่ และเม็ดลูกปรายมีขนาดใหญ่สามารถทำให้กระดูกของผู้เสียหายคนหนึ่งที่ถูกยิงถึงกับแตกและหักได้ ผู้เสียหายทั้งสามอยู่ห่างจำเลยออกไปไกลพอสมควร ในระยะที่เม็ดกระสุนลูกปรายกระจายตัวขยายวิถีกระสุนบานออกไปแล้ว ระยะยิงน่าจะห่างไม่น้อยกว่า 5 เมตรขึ้นไป หากจำเลยเพียงแต่ใช้อาวุธปืนขู่และห้าม ด.ไม่ให้เข้ามาหรือยิงขู่น่าจะเพียงพอที่จะยับยั้ง ด.ให้เกรงกลัวและหลบหนีไป แต่จำเลยกลับใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นขนาดใหญ่ที่มีอานุภาพประหัตประหารแต่ควบคุมวิถีกระสุนไม่ได้ยิงสาดใส่เข้าไปในทิศทางที่มิได้มีแต่ ด. ที่จะเข้ามาทำร้ายจำเลยคนเดียว จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน การที่จำเลยยิงเข้าใส่กลุ่มคนต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าบุคคลทุกคนในกลุ่มนั้น เพราะย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำอยู่แล้วว่า อาจทำให้ทุกคนที่ถูกกระสุนลูกปรายดังกล่าวถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้เสียหายทั้งสามไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4600/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเกินกว่าเหตุ: การยิงผู้กระทำอนาจารซ้ำหลังถูกยิงครั้งแรก
ผู้ตายเมาสุราเข้าไปในร้านของ ส. และบีบคอ ส. บนเตียงนอนผู้ตายถอดเสื้อแล้วเข้ามากอดปล้ำทำอนาจาร และลาก ส. ออกมาจากร้าน ถือว่า เป็นการทำร้ายร่างกายและข่มเหงจิตใจ ส. อย่างร้ายแรง จำเลยซึ่งเป็นน้องชาย ส. อยู่ในเหตุการณ์ ย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันภัยอันตรายในขณะนั้นแทน ส. ได้ผู้ตายไม่มีอาวุธ เมื่อจำเลยยิงผู้ตายขณะกอดปล้ำ ส. 1 นัด ถูกที่หัวไหล่ซ้ายแล้วผู้ตายล้มลงแสดงว่าจำเลยหยุดยั้งผู้ตายไม่ให้กระทำต่อ ส. ได้พอแล้ว แม้ผู้ตายจะลุกขึ้นมาจะเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก แต่สภาพของผู้ตายยังเมาสุราและถูกยิงได้รับบาดเจ็บย่อมไม่สามารถต่อสู้กับจำเลยได้อีก การที่จำเลยยิงผู้ตายซ้ำที่หน้าท้องจนผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำที่ ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นตามมาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การใช้ใบเลื่อยเป็นอาวุธทำร้ายร่างกาย แม้ถูกผลักล้ม
ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายเพียงแต่ใช้มือผลักอกจำเลยจนล้มลง โดยผู้เสียหายไม่มีอาวุธใด ๆ ส่วนจำเลยแม้จะเป็นคนพิการ แขนขาด้านซ้ายอ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ เดินกะเผลก แต่กลับใช้มือขวาซึ่งสมบูรณ์แข็งแรงถือใบเลื่อยที่ดัดแปลง เป็นมีดปลายแหลมยาวรวมทั้งตัวใบมีดและส่วนที่เป็นด้าม ประมาณ 6 นิ้ว เป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย หลายครั้งจนได้รับอันตรายสาหัส ทั้งที่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายจะทำร้ายจำเลยมากไปกว่าการผลักอกถือได้ว่าจำเลยกระทำไปเกินสมควรกว่าเหตุและเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้อง กระทำเพื่อป้องกัน อาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายผู้เสียหายเป็นใบเลื่อยที่ดัดแปลงเป็นมีดปลายแหลม ส่วนที่เป็นใบมีดยาวเกินกว่า 3 นิ้วหากแทงถูกอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3441/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ การใช้กำลังป้องกันต้องสมควรแก่เหตุ และไม่เกินความจำเป็น
เมื่อผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนโดยตบตีทำร้าย และเตะจำเลยก่อนฝ่ายเดียวอันถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวเองได้แต่ขณะเกิดเหตุผู้ตายเพียงแต่ตบเตะจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่อย่างใด การที่จำเลยใช้อาวุธมีดเลือกแทงที่ช่องท้องของผู้ตายอันเป็นอวัยวะที่สำคัญ แม้จะแทงไปเพียง 1 ครั้งแต่ถูกลำไส้และเส้นเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องฉีกขาดเป็นเหตุ ให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยย่อม เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควร แก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69
of 9