พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6990/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: การพาดหัวข่าวเกินเลยถือเป็นความผิด แม้เนื้อข่าวไม่เกินเลย
โจทก์บรรยายฟ้องว่าวันที่23ธันวาคม2532เวลากลางวันจำเลยที่1ใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จโดยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ว่า"อย่างไรก็ตามได้รับเอกสารสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าส.ส.พรรครัฐบาลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งคนงานไปประเทศญี่ปุ่น4คนคือนายไชยยศจิรเมธากร (โจทก์)ส.ส.อุดรธานีนายอุดรทองน้อยส.ส.ยโสธรและนายประณตเสริฐวิชา ส.ส.ร้อยเอ็ดทั้ง4คนเป็นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ตนมีหลักฐานต่างๆพร้อมแล้วและพร้อมที่จะไปพิสูจน์กันในศาลหากต้องการ"โดยจำเลยที่1มีเจตนาที่จะให้หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์ข้อความที่จำเลยที่1ให้สัมภาษณ์เพื่อเผยแพร่ต่อประชาชนทั่วไปข้อความที่จำเลยที่1ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเป็นการแสดงความคิดเห็นติชมด้วยความเป็นธรรมว่าโจทก์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งคนงานไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นไม่มีข้อความตอนใดที่บ่งชี้ว่าโจทก์ได้ร่วมกับผู้มีชื่อหลอกลวงคนงานให้ไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นแสดงว่าโจทก์เป็นบุคคลทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่เหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ประการใดทั้งไม่อาจเข้าใจได้ว่าโจทก์มีส่วนร่วมในการฉ้อโกงแรงงานดังกล่าวข้อความที่จำเลยที่1ให้สัมภาษณ์นั้นยังไม่ถือว่าเป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จำเลยที่1ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ว่าโจทก์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งคนงานไปประเทศญี่ปุ่นและจำเลยที่2นำข้อความที่จำเลยที่1ให้สัมภาษณ์ไปลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โดยพาดหัวข่าวว่า"แฉ4ส.ส.ประชาธิปัตย์"พัวพันตุ๋นคนงานไปประเทศญี่ปุ่น"ซึ่งข้อความที่พาดหัวข่าวในหนังสือพิพม์ที่จำเลยที่2นำไปลงพิมพ์นั้นไม่ตรงกับข้อความที่จำเลยที่1ให้สัมภาษณ์ทั้งเนื้อข่าวที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวก็ตีพิมพ์แต่เพียงว่าจำเลยที่1ให้สัมภาษณ์ว่ามีหลักฐานว่าโจทก์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งคนงานไปประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นจำเลยที่2มิได้อ้างข้อความจริงใดเลยในการแสดงความคิดเห็นในการพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์เช่นนั้นและข้อความที่จำเลยที่2ลงพิมพ์พาดหัวข่าวก็เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ทุกคนเชื่อว่าโจทก์มีส่วนร่วมทุจริตฉ้อโกงแรงงานราษฎรไม่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำจึงเป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังจำเลยที่2จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา328 ศาลล่างทั้งสองให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์โดยไม่ได้ระบุว่าให้โฆษณาคำพิพากษาในลักษณะใดศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ชัดแจ้งและเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดีจึงให้มีผลถึงจำเลยที่3ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาและจำเลยที่4ที่มิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา213และมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ และการโต้แย้งการรับฟังข้อเท็จจริงของศาล
คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย6 เดือน ริบของกลาง จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายบุกรุกขึ้นบนบ้านจำเลย และใช้กำลังฉุดกระชากจำเลยโดยไม่มีสิทธิที่จะกระทำได้ การที่จำเลยเหวี่ยงมีดฟันผู้เสียหาย และผู้เสียหายก็เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บ จำเลยก็หยุดไม่กระทำต่อ ถือว่าจำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุอันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นฎีกาโต้แย้งการรับฟังข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่ฟังว่าจำเลยเหวี่ยงมีดฟันผู้เสียหายหลายครั้งจนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
แม้คดีจะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขโทษให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีได้
แม้คดีจะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขโทษให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำขอท้ายฟ้อง: ศาลแรงงานพิพากษาเกินกว่าที่ฟ้องได้
แม้ศาลแรงงานจะฟังว่าจำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 64,285.71 บาทก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยจ่ายเงินดังกล่าวเพียง 56,000 บาท ดังนั้นการที่ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินนั้นแก่โจทก์ 64,285.71 บาท โดยไม่ได้อ้างเหตุอันสมควรเพื่อความเป็นธรรมแต่อย่างใด จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 52.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะและการกระทำเกินเลย: การพิจารณาความผิดฐานฆ่าเมื่อถูกทำร้ายก่อนและการยิงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน ผู้ตายกับพวกเล่นการพนันแล้วทะเลาะกันส่งเสียงดังในยามวิกาล จำเลยซึ่งอยู่บ้านใกล้ชิดติดกันย่อมมีความชอบธรรมที่จะไปขอร้องให้เบา ๆ ลงหรือเลิกเล่นการพนัน แต่ผู้ตายกลับด่าว่าจำเลยแล้วเกิดชกต่อยกัน เมื่อมีคนมาห้ามและจำเลยกับผู้ตายยุติกันไปแล้ว แต่ผู้ตายหาได้หยุดยั้งเพียงแค่นั้นไม่ กลับเข้าไปในบ้านหยิบขวดมาตีศีรษะจำเลยจนโลหิตไหลฉะนั้นการที่จำเลยไปหยิบปืนในบ้านออกมายิงผู้ตายจึงเป็นการบันดาลโทสะ แต่ที่จำเลยยิง ว.และศ. ด้วยแม้คนทั้งสองจะเป็นบุตรภริยาของผู้ตายและอยู่บ้านเดียวกับผู้ตายก็ตาม แต่คนทั้งสองก็มิได้ร่วมทำร้ายจำเลยด้วย การที่จำเลยยิง ว. และ ศ. ถึงแก่ความตายในขณะนั้นเป็นแต่เพียงจำเลยกระทำไปโดยอารมณ์ร้อนแรงชั่วแล่น ซึ่งไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1610/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตฟ้องจำกัด - การลงโทษเกินเลยจากข้อกล่าวหาเดิม
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยทำร้ายร่างกายเขามีบาดเจ็บถึงสาหัสแล้วเขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมานั้นเอง ไม่มีข้อความว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเขาแม้ท้ายฟ้องจะระบุ ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา คงถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 251 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบฆ่า - การกระทำเกินเลย - ไม่มีความผิด
จำเลยกับผู้ตายเกิดวิวาทชกต่อยกันด้วยมือเปล่าก่อนจำเลยสู้ไม่ได้จึงร้องเรียกให้เพื่อนช่วย เพื่อเข้ามาช่วยแล้วใช้มีดแทงผู้ตาย ดังนี้เมื่อมีพฤติการณ์ประกอบให้เห็นว่าการแทงผู้ตายตายนั้น เป็นการกระทำของเพื่อนเอง ซึ่งเกินเลยจากที่จำเลยขอให้ช่วยแล้ว จำเลยก็ยังไม่ควรมีผิดฐานสมคบกันเพื่อฆ่าผู้ตายตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบคิดฆ่า: การกระทำเกินเลยขอบเขตที่ขอความช่วยเหลือ ไม่ถือเป็นความผิดสมคบคิด
จำเลยกับผู้ตายเกิดวิวาทชกต่อยกันด้วยมือเปล่าก่อน จำเลยสู้ไม่ได้จึงร้องเรียกให้เพื่อนช่วย เพื่อนเข้ามาช่วยแล้วใช้มีดแทงผู้ตาย ดังนี้ เมื่อมีพฤติการณ์ประกอบให้เห็นว่าการแทงผู้ตายตายนั้น เป็นการกระทำของเพื่อนเอง ซึ่งเกินเลยจากที่จำเลยขอให้ช่วยแล้ว จำเลยก็ยังไม่ควรมีผิดฐานสมคบกับเพื่อนฆ่าผู้ตาย ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำให้การเฉพาะเจาะจง: ศาลไม่สามารถนำส่วนที่เกินเลยคำรับสารภาพมาลงโทษได้
ใบแดงแจ้งโทษซึ่งติดมากับฟ้อง เป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยพ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี จำเลยรับว่าพ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปีจริงตามฟ้อง ดังนี้ จะฟังว่า จำเลยพ้นโทษยังไม่เกิน 3 ปีตามที่ปรากฏในใบแดงท้ายฟ้องด้วยไม่ได้
ฟ้องว่าจำเลยพ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี จำเลยรับว่าพ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปีจริงตามฟ้อง ดังนี้ จะฟังว่า จำเลยพ้นโทษยังไม่เกิน 3 ปีตามที่ปรากฏในใบแดงท้ายฟ้องด้วยไม่ได้