คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เกี่ยวพัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษคดีอาญาที่เกี่ยวพันกัน: ศาลแก้ไขการนับโทษต่อจากโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นไปตามกฎหมาย
วันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจเฝ้าดักจับจำเลยทั้งสองได้ขณะที่จำเลยทั้งสองขับรถถึงด่านเก็บเงินอินทร์บุรี และนำไปตรวจค้นพบเฮโรอีน 14 ถุง ต่อมาได้นำจำเลยที่ 1 ไปตรวจค้นที่บ้านพักและพบเฮโรอีนอีกส่วนหนึ่ง แต่มีการสอบสวนโดยแยกสำนวนจากกันเนื่องจากเป็นความผิดคนละกรรมและที่เกิดเหตุอยู่คนละท้องที่ กรณีความผิดของจำเลยที่ 1 ทั้งสองสำนวนจึงเกี่ยวพันที่อาจถูกฟ้องคดีเดียวกันและอาจพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ เมื่อคดีหนึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต การที่ศาลพิพากษาให้นับโทษจำคุก 25 ปี ในคดีนี้ต่อจากศาลดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2355/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษซ้ำซ้อนในคดีอาญาที่เกี่ยวพันกัน และอำนาจแก้ไขคำสั่งบังคับคดี
คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529 ของศาลชั้นต้นมีลักษณะแห่งคดีและความผิดเป็นอย่างเดียวกับที่จำเลยถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว คดีทั้งสองสำนวนมีความเกี่ยวพันโดยอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ เมื่อโจทก์แยกฟ้องคดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อโดยศาลมิได้สั่งรวมการพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกัน หากศาลลงโทษจำคุกจำเลยทุกกรรมเต็มตามที่กำหนดไว้ใน ป.อ.มาตรา 91 (2) ในสำนวนใดสำนวนหนึ่งแล้ว ก็ไม่อาจนับโทษต่อในอีกสำนวนหนึ่งได้เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเกินกว่าที่ ป.อ.มาตรา 91 (2) กำหนดไว้
ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดแก่จำเลยแล้ว หากปรากฏว่าการนับโทษขัดต่อกฎหมาย ศาลชั้นต้นย่อมมีคำสั่งแก้ไขได้ เพราะไม่เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา แต่เป็นเรื่องการบังคับคดีซึ่งศาลชั้นต้นต้องออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้ถูกต้องตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเกี่ยวพันกับคำฟ้องเดิม: การเลิกจ้าง, ค่าเปอร์เซ็นต์การขาย และการชดใช้ความเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ จำเลยฟ้องแย้งว่าจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ แต่โจทก์หยุดงานไปเองจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายนั้น เป็นกรณีที่โจทก์จำเลยโต้เถียงกันโดยมีข้ออ้างที่เกี่ยวพันกันว่า เหตุที่โจทก์หยุดงานไปนั้น เป็นเพราะจำเลยเลิกจ้างโจทก์ตามคำฟ้องของโจทก์ หรือจำเลยหยุดงานไปเองตามฟ้องแย้งของจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนนี้จึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์ และที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยค้างจ่ายค่าเปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้า จำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวจากจำเลย เพราะโจทก์ขายสินค้าให้จำเลยได้ต่ำกว่าที่กำหนด ซึ่งโจทก์ต้องรับผิดชดใช้เงินสำหรับส่วนของสินค้าที่ขายต่ำกว่าที่กำหนดไว้นั้น ก็เป็นกรณีที่โจทก์จำเลยโต้เถียงกันโดยมีข้ออ้างที่เกี่ยวพันกันว่า โจทก์ขายสินค้าให้จำเลยมากกว่าจำนวนที่กำหนดและมีสิทธิได้รับเงินเปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้าจากจำเลยตามคำฟ้องหรือขายสินค้าได้น้อยกว่าที่กำหนดและจะต้องรับผิดชำระเงินให้จำเลยตามฟ้องแย้ง ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนนี้จึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมเช่นกัน ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นฟ้องแย้งที่ชอบจะให้รับไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อคดีอื่นต้องมีความเกี่ยวพันกัน หากไม่มีความเกี่ยวพัน การรวมโทษเกิน 20 ปีทำได้
การนับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่นได้ไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) นั้น ต้องปรากฏว่าคดีอื่นนั้นเป็นการกระทำความผิดในลักษณะที่เกี่ยวพันกันกับคดีที่ขอให้นับโทษต่อจนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกัน หรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ปรากฏว่าผู้เสียหายทั้ง 5 คดีก่อนไม่ใช่บุคคลเดียวกันกับผู้เสียหายในคดีนี้ พยานหลักฐานทั้ง 5 คดีก่อนก็ไม่ใช่พยานหลักฐานชุดเดียวกันกับคดีนี้ ทั้ง 5 คดีดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกันกับคดีนี้จนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้จึงนับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยทั้ง 5 คดีดังกล่าว โดยรวมโทษจำคุกทั้งสิ้นเกิน 20 ปีได้ แม้ศาลชั้นต้นจะได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม หากปรากฏว่าการนับโทษต่อขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 91(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นย่อมจะมีคำสั่งแก้ไขหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่ได้ ไม่เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเพราะเป็นเรื่องการบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งในคดีแรงงานต้องมีความเกี่ยวพันกับฟ้องเดิม จึงจะรับรวมพิจารณาได้
ตามฟ้องเดิมของโจทก์เป็นเรื่องที่ขอให้บังคับจำเลยคืนหรือ ใช้ราคาทรัพย์สินที่ยักยอกไป ส่วนจำเลยฟ้องแย้งอ้างว่าโจทก์ ขู่บังคับให้จำเลยลาออกโดยมิชอบ ขอให้บังคับโจทก์จ่ายค่าจ้าง สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชย ดังนั้น ฟ้องเดิม เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน และฟ้องแย้งเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงาน และตามกฎหมายว่าด้วยการ คุ้มครองแรงงาน แม้ว่าทั้งฟ้องเดิมและ ฟ้องแย้งจะเป็นคดีแรงงานก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงตลอดจนหลักฐานที่จะ นำสืบเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างกัน ไม่มีความเกี่ยวพันกัน จึงไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับรวมไว้พิจารณากับฟ้องเดิม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวพันกับคำฟ้องเดิม: เช็คกับการผิดสัญญาจ้างทำของเป็นคนละประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลังจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับจ้างจำเลยต่อตัวถังรถยนต์ และจำเลยมอบเช็คดังกล่าวให้โจทก์ไว้เป็นประกันสินจ้างโจทก์ผิดสัญญาทำงานล่าช้าจำเลยบอกเลิกสัญญา เรียกรถยนต์และเช็คประกันคืนโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ปรากฏว่ารถยนต์ของจำเลยที่จ้างโจทก์ต่อตัวถังอุปกรณ์หายไปหลายอย่างจำเลยต้องจ้างบุคคลอื่นต่อตัวถังรถเสียค่าจ้างเพิ่มขึ้น และจำเลยต้องขาดรายได้จากการเสียเวลาไม่ได้รับจ้างบรรทุกสินค้า จึงฟ้องแย้งเรียกค่าอุปกรณ์หาย ค่าจ้างที่เสียเพิ่มและค่าขาดรายได้จากโจทก์ ดังนี้เป็นฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมเพราะตามคำฟ้องเดิมมีประเด็นเพียงว่า จำเลยจะต้องรับผิดชอบกับเช็คที่ออกไปนั้นเพียงใดตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเช็ค ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาหรือเนื่องมาจากสัญญาอีกส่วนหนึ่งต่างหากกรณีไม่เกี่ยวพันกัน