คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เข้ามาในราชอาณาจักร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนสัญชาติไทยตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 และการพิสูจน์สถานะการเข้ามาในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้มีคำสั่งให้นายทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมืองนครพนมแก้ไขสัญชาติของโจทก์ทั้งสองในทะเบียนบ้านและสำเนาทะเบียนบ้านของโจทก์ทั้งสองจากสัญชาติไทยเป็นสัญชาติญวนและนายทะเบียนท้องถิ่นได้ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วแม้การออกคำสั่งนั้นจะเป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่และระเบียบแบบแผนของทางราชการก็ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสองแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง บิดามารดาของโจทก์ทั้งสองเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน2483แต่มิได้ไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวภายใน30วันตามความในมาตรา5แห่งพ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าวพุทธศักราช2479จนกระทั่งวันที่22สิงหาคม2488จึงได้ขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวเช่นนี้ในระหว่างที่ยังไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวนั้นพ.ร.บ.คนเข้าเมืองพุทธศักราช2480มาตรา29ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบิดามารดาของโจทก์ทั้งสองเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองที่ใช้อยู่ในขณะนั้นเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าบิดามารดาของโจทก์ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองจึงต้องถือว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นบิดามารดาของโจทก์เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337ข้อ1(3) โจทก์ที่1เกิดในประเทศไทยในระหว่างที่บิดามารดายังมิได้ไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจึงถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่บิดามารดาของโจทก์เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโจทก์ที่1จึงต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337ส่วนโจทก์ที่2เกิดหลังจากที่บิดามารดาได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วกรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่โจทก์ที่2จะถูกถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิขอพิสูจน์สัญชาติจำกัดเฉพาะผู้เข้ามาในราชอาณาจักร, ความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ผู้ร้องซึ่งไม่เคยออกจากประเทศไทยเลยจะร้องขอพิสูจน์สัญชาติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 43 ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้ซึ่งเข้าในราชอาณาจักร
สิทธินำคดีมาฟ้อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
(คดีประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสัญชาติไทย: การพิสูจน์สัญชาติของผู้เข้ามาในราชอาณาจักรและการโต้แย้งสิทธิ
บุคคลใดซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร อ้างว่าเป็นคนไทยบุคคลนั้นต้องเป็นผู้พิสูจน์ การพิสูจน์นั้นจะกระทำโดยร้องขอพิสูจน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือร้องขอต่อศาลก็ได้ตามความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493
ได้ความว่า โจทก์เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยได้ 3 วัน ก็ยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมือง อ้างว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทยแต่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์อยู่โดยมีคำสั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยระงับเพิกถอนคำสั่งและขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทยตามกฎหมายจำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทยจนศาลได้ทำการพิจารณาคดีมาโดยลำดับดังนี้ แม้จะได้ความว่าเมื่อก่อนที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิในเรื่องสัญชาติของโจทก์มาก่อนก็ตามก็เป็นอันผ่านไปได้ เพราะเกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทในเรื่องสัญชาติระหว่างคู่ความในคดีแล้ว ศาลพิจารณาพิพากษาประเด็นข้อพิพาทในเรื่องสัญชาติไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต: หน้าที่การนำสืบและการสันนิษฐานทางกฎหมาย
คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรสยามโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานนั้น ถ้านำสืบข้อแก้ตัวไม่ได้ต้องมีผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง คนต่างด้าวต่อสู้ว่าเข้ามาในสยามโดยหลงทางเป็นหน้าที่ผู้นั้นนำสืบ วิธีพิจารณาอาญา หน้าที่นำสืบ ข้อสันนิษฐาน