คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เครื่องวิทยุคมนาคม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2826/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมี-ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมกับความผิดฐานรบกวนการสื่อสารเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดฐานจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคมตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม ฯ มาตรา 26 มีองค์ประกอบความผิดแตกต่างจากความผิดฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคม กล่าวคือ ความผิดฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมตามมาตรา 6 , 23 นั้น เป็นความผิดเพราะจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจออกใบอนุญาต ส่วนความผิดฐานกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคมตามมาตรา 26 เป็นความผิดเพราะจำเลยจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคม ดังนี้ แม้จำเลยจะมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยได้รับหรือไม่ได้รับใบอนุญาต แต่หากจำเลยจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคมแล้ว การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามมาตรา 26 นี้เช่นกัน การมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมกับการกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคม จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าความผิดฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคมจึงไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทกฎหมายเสียให้ถูกต้องได้ แต่โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเป็น 2 กรรม ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขในเรื่องโทษให้ผิดไปจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท กรณีมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคม ศาลฎีกาแก้ไขโทษให้เหมาะสม
การที่จำเลยมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตในวันและเวลาเดียวกัน ถือว่าจำเลยมีเจตนาอันเดียวกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่เนื่องจากความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวมีอัตราโทษเท่ากัน จึงต้องลงโทษจำเลยฐานใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะปรากฎว่าคดีสามารถฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายแต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าโทษที่ศาลล่างลงแก่จำเลยหนักเกินไปศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4869/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดเดียว: การมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคม
จำเลยมีและใช้เครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคมอันเป็นความผิดในมาตราเดียวกัน ตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 6 ในเวลาเดียวกันเท่ากับว่า มีเจตนาอันเดียว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9809/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมเดียว แม้ฟ้องแยกกระทง
การที่จำเลยมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยมิได้ใบรับอนุญาต และใช้เครื่องวิทยุคมนาคมดังกล่าวเปิดดักรับเครือข่ายสื่อสารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยมิได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 แม้โจทก์บรรยายฟ้องแยกการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองมาคนละข้อ และจำเลยให้การรับสารภาพ แต่การทำ มี และใช้เครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคมเป็นความผิดในบทมาตราเดียวกัน ดังนั้นการที่จำเลยมีเครื่องวิทยุคมนาคมแล้วนำมาใช้ดักรับเครือข่ายสื่อสารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันและเวลาเดียวกัน ถือว่าจำเลยมีเจตนาอันเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว