คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เครื่องหมายเตือน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับเหมาและผู้ตายจากความประมาท กรณีถนนก่อสร้างและไม่มีเครื่องหมายเตือน
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46กรณีไม่มีทางที่จะขยายไปถึงความเห็นของพนักงานสอบสวนให้เป็นการผูกมัดศาลที่พิพากษาคดีส่วนแพ่งในภายหลัง ความเห็นของพนักงานสอบสวนไม่ใช่คำพิพากษาคดีส่วนอาญา ฉะนั้น ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งจึงไม่จำต้องถือตาม
ห้างฯ จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสะพาน มีหน้าที่ต้องติดตั้งเครื่องหมายแสดงให้เห็นชัดเจนเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนตลอดเวลา แต่กลับละเลยไม่ติดตั้งเครื่องหมายดังกล่าว ถือว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง แม้ผู้ตายจะขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูง แต่หากมีเครื่องหมายเตือนเชื่อว่าผู้ตายสามารถเห็นและชะลอความเร็วของรถได้ทันและจะไม่ชนท่อระบายน้ำคอนกรีต เหตุที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 มากกว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกันรับผิดในผลแห่งละเมิดและชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ผู้เป็นทายาทของผู้ตาย ซึ่งค่าเสียหายที่โจทก์ควรจะได้มากน้อยเพียงใดนั้นต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีดังกล่าวเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223 เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเป็นเงิน 265,000 บาท แต่เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของผู้ตายด้วย และจำเลยทั้งสองประมาทมากกว่าการกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำนวน 68,333.33 บาท จึงเหมาะสมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจอดรถเสียบนถนน การแสดงเครื่องหมายเตือน และความรับผิดในคดีประมาท
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกสินค้าล้อบรรทุกหินมาเต็มคันรถ คลัตช์รถเสียจะต้องจอดรถ แม้ถนนบริเวณนั้นมีไหล่ทางแต่ปรากฏว่าไหล่ทางกว้างเพียง 1.40 เมตร หากจอดรถบนไหล่ทางไหล่ทางอาจทรุดได้ จึงเป็นกรณีจำเป็นที่จำเลยต้องจอดรถในทางเดินรถจำเลยจอดรถไว้บนถนนด้านซ้าย ล้อรถด้านซ้ายอยู่บนขอบผิวจราจรพอดีผิวจราจรถนนกว้าง 6 เมตรตัวรถกว้าง 2.40 เมตร ทางด้านขวาของรถยังมีผิวจราจรเหลืออีก 3.60 เมตร เห็นว่าจำเลยได้จอดรถในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา56 แล้ว แต่การที่จำเลยได้นำก้อนหินและกิ่งไม้มาวางไว้ด้านหลังรถและเมื่อถึงเวลากลางคืนจำเลยได้เปิดไฟหรี่หน้ารถและไฟท้ายรถไว้ มิใช่เป็นการแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามลักษณะที่ระบุในข้อ 1 (1) และเงื่อนไขในข้อ 2 ข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 จำเลยต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 56 อันมีบทลงโทษตามมาตรา 152
ขณะเกิดเหตุจำเลยเปิดไฟไว้ท้ายรถ 3 ดวง สว่างมากมองเห็นได้ในระยะ 100 เมตร ย่อมทำให้ผู้ขับรถมาทางด้านหลังสามารถมองเห็นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ในระยะห่างเพียงพอที่ผู้นั้นจะหยุดรถหรือหลบหลีกไปได้แล้ว เป็นการ ป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้นแก่บุคคลอื่นได้ไม่น้อยกว่าการแสดงเครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 ทั้งไม่ปรากฏว่าปกติในกรณีนี้ผู้ขับรถจะแสดงกันแต่เครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขในกฎกระทรวงเท่านั้น ถือว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว การที่มีคนขับรถจักรยานยนต์พุ่งเข้าชนรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ เป็นเหตุให้คนขับและคนซ้อนท้ายถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดจากการละเว้นการกระทำของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291