พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5706/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีเสร็จสิ้นเมื่อใด: การได้รับเงินค่าขายทอดตลาดเป็นสำคัญ แม้มีการโอนทรัพย์แล้ว
แม้ผู้ซื้อทรัพย์ได้จัดการโอนทรัพย์ที่ซื้อได้มาเป็นของผู้ซื้อทรัพย์แล้วก็ตาม แต่ไม่อาจถือได้ว่าการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นลงตั้งแต่วันรับโอนดังกล่าวเพราะตราบใดที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายังไม่ได้รับเงินค่าขายทอดตลาดแล้ว ย่อมถือไม่ได้ว่าการบังคับคดีได้เสร็จลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนสินค้าและเงินค่าขายหลังศาลสั่งคืนของกลาง การรักษาทรัพย์แทนเจ้าของ และการผิดนัดชำระหนี้
กรณีที่พนักงานศุลกากรยึดสิ่งใดๆ อันจะพึงริบตามพระราชบัญญัติศุลกากร ถ้าเจ้าของหรือผู้มีสิทธิไม่ยื่นคำร้องเรียกเอาภายในกำหนด 60 วัน สำหรับยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิด 30 วัน สำหรับสิ่งอื่นนับแต่วันที่ยึดให้ถือว่าเป็นสิ่งไม่มีเจ้าของ และให้ตกเป็นของแผ่นดินนั้นหมายถึงกรณีที่ไม่มีการฟ้องคดีอาญาต่อศาล ถ้าเป็นกรณีที่มีการฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลที่จะพิพากษาให้ริบหรือไม่ริบของกลาง
เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้คืนของกลางแก่เจ้าของ การที่พนักงานศุลกากรยึดถือครอบครองของกลางไว้ต่อมา ย่อมเป็นการรักษาไว้แทนเจ้าของตามหน้าที่ราชการ หากของกลางนั้นได้ถูกขายไปแล้ว ก็ชอบที่จะต้องคืนเงินค่าขายของนั้นให้แก่เจ้าของนับแต่เวลาที่ถูกทวงถาม มิฉะนั้นย่อมตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องเสียดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224
คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งของกลางอันเป็นคุณแก่บุคคลใด อาจใช้ยันบุคคลอื่นได้ เว้นแต่บุคคลอื่นจะพิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิดีกว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145(2)
ศาลอาญาพิพากษาถึงที่สุดให้คืนของกลางแก่โจทก์เมื่อวันที่13 พฤษภาคม 2501 โจทก์ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 30มิถุนายน 2501 ต่อศาลอาญาว่า อธิบดีกรมศุลกากรปฏิเสธไม่ยอมคืนของกลางให้ ขอให้ศาลอาญาสั่งบังคับ ศาลอาญาสั่งยกคำร้องโจทก์โดยว่ามีข้อโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของกลางอยู่ ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง โจทก์อุทธรณ์ฎีกาคำสั่งต่อมาศาลอุทธรณ์และฎีกาพิพากษายืน โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน2507 เรียกให้คืนเงินค่าขายของกลางพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืน มิใช่เรื่องละเมิดซึ่งจะต้องฟ้องภายใน 1 ปีดังที่จำเลยต่อสู้ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องเรียกเอาค่าเสียหาย คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
อธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชากิจการงานของกรมศุลกากร จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้ปฏิบัติราชการไปตามอำนาจหน้าที่ในกิจการของจำเลยที่ 1 ตามปกติ หาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่
เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้คืนของกลางแก่เจ้าของ การที่พนักงานศุลกากรยึดถือครอบครองของกลางไว้ต่อมา ย่อมเป็นการรักษาไว้แทนเจ้าของตามหน้าที่ราชการ หากของกลางนั้นได้ถูกขายไปแล้ว ก็ชอบที่จะต้องคืนเงินค่าขายของนั้นให้แก่เจ้าของนับแต่เวลาที่ถูกทวงถาม มิฉะนั้นย่อมตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องเสียดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224
คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งของกลางอันเป็นคุณแก่บุคคลใด อาจใช้ยันบุคคลอื่นได้ เว้นแต่บุคคลอื่นจะพิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิดีกว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145(2)
ศาลอาญาพิพากษาถึงที่สุดให้คืนของกลางแก่โจทก์เมื่อวันที่13 พฤษภาคม 2501 โจทก์ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 30มิถุนายน 2501 ต่อศาลอาญาว่า อธิบดีกรมศุลกากรปฏิเสธไม่ยอมคืนของกลางให้ ขอให้ศาลอาญาสั่งบังคับ ศาลอาญาสั่งยกคำร้องโจทก์โดยว่ามีข้อโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของกลางอยู่ ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง โจทก์อุทธรณ์ฎีกาคำสั่งต่อมาศาลอุทธรณ์และฎีกาพิพากษายืน โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน2507 เรียกให้คืนเงินค่าขายของกลางพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืน มิใช่เรื่องละเมิดซึ่งจะต้องฟ้องภายใน 1 ปีดังที่จำเลยต่อสู้ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องเรียกเอาค่าเสียหาย คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
อธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชากิจการงานของกรมศุลกากร จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้ปฏิบัติราชการไปตามอำนาจหน้าที่ในกิจการของจำเลยที่ 1 ตามปกติ หาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายักยอกเงินค่าขายยาเส้น การยอมรับเงินและการผัดชำระ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยรับฝากยาเส้นไว้จากผู้เสียหายแล้วเอาไปขายจริง แต่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาเงินค่ายาเส้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว มิได้ฟ้องว่ายักยอกยาเส้น เมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่า ผู้เสียหายได้ยอมตกลงรับเงินค่ายาเส้นจากจำเลย และยังยอมให้จำเลยผัดชำระเงินด้วย ดังนี้ เมื่อจำเลยยังมิได้ชำระก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปฟ้องร้องกันในทางแพ่ง การที่จำเลยยังไม่มีเงินค่ายาเส้นชำระให้ไม่เป็นผิดทางอาญาฐานยักยอกดังฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญา Trust Receipt: อายุความฟ้องเรียกเงินค่าขายสินค้า 10 ปี มิใช่เงินทดรอง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามข้อตกลงในสัญญาใบรับสินค้าเชื่อ (Trust receipt) ซึ่งโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยไปจัดการขายสินค้าและนำเงินมาชำระให้โจทก์ตามที่กำหนดกันไว้ สัญญาเช่นนี้เป็นการเรียกเงินค่าขายของ มิใช่เป็นการเรียกเงินที่โจทก์ออกทดรองไป อายุความฟ้องร้องจึงมีกำหนด 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์โดยตัวแทน: การเบียดบังเงินค่าขายทรัพย์สินที่รับมอบมา
ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบแหวนเพ็ชรของผู้เสียหายไป 1วง โดยจำเลยรับว่าจะเอาไปขายให้ ถ้าขายไม่ได้ก็จะเอามาคืนให้ครั้นแล้วจำเลยได้มีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกแหวนเพ็ชรหรือเงินค่าแหวนนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียดังนี้ เป็นฟ้องที่จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้ดีจำเลยย่อมรู้สึกอยู่แก่ตนว่า ยักยอกแหวนหรือยักยอกเงินค่าแหวนที่ขายได้จึงไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
รับแหวนของเขาไปเพื่อจะนำไปขายตามคำสั่งของผู้มอบหมายนั้น ผู้รับมอบมีฐานะเป็นตัวแทนฉะนั้นเมื่อได้รับเงินค่าขายแหวนไว้ก็หมายความว่ารับไว้ในฐานเป็นตัวแทนเขาด้วย และมีหน้าที่จะต้องนำส่งเงินนี้แก่ผู้มอบหมายถ้ายักยอกเอาเงินนี้ไว้ เสียโดยทุจริต ก็เป็นความผิดฐานยักยอกในทางอาญา
รับแหวนของเขาไปเพื่อจะนำไปขายตามคำสั่งของผู้มอบหมายนั้น ผู้รับมอบมีฐานะเป็นตัวแทนฉะนั้นเมื่อได้รับเงินค่าขายแหวนไว้ก็หมายความว่ารับไว้ในฐานเป็นตัวแทนเขาด้วย และมีหน้าที่จะต้องนำส่งเงินนี้แก่ผู้มอบหมายถ้ายักยอกเอาเงินนี้ไว้ เสียโดยทุจริต ก็เป็นความผิดฐานยักยอกในทางอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินค่าขายสินค้าที่เกินราคาควบคุมขัดต่อกฎหมาย เงินดังกล่าวไม่เข้าข่ายของกลางที่ต้องริบ
เงินราคาขายสิ่งของที่ขายเกินราคาควบคุมนั้นจะริบไม่ได้
ของกลางที่ศาลล่างริบโดยขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกาในข้อนี้ขึ้นมา เมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกาศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้
ของกลางที่ศาลล่างริบโดยขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกาในข้อนี้ขึ้นมา เมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกาศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินค่าขายทรัพย์จากการกระทำผิด ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ริบได้
เงินค่าขายทรากสุกรที่ฆ่าโดยมิได้รับอนุญาตนั้นมิใช่ทรัพย์ได้มาจากการกระทำผิดจะริบมิได้. อ้างฎีกาที่ 59/2488
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินค่าขายของกลาง: สุกรที่ถูกฆ่าโดยไม่ได้รับอนุญาต เงินจากการขายคืนให้เจ้าของ
จำเลยฆ่าสุกรโดยมิได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยเนื้อสุกรของกลาง เจ้าพนักงานได้เอาเนื้อสุกรไปขายได้เงินมารักษาไว้เป็นของกลาง ต่อไปดังนี้ เงินค่าขายสุกรได้นี้ไม่เป็นของพึงริบ ต้องคืนให้จำเลยไป