พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาซื้อน้ำมัน ไม่ถือเป็นสนับสนุนการลักทรัพย์ แม้เตรียมถังรองรับ
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันของผู้เสียหายเข้ามาจอดที่บริเวณบ้านของจำเลยที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขายน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะดูดออกจากถังน้ำมันของรถยนต์บรรทุกให้แก่จำเลยที่ 2 ขณะที่จำเลยที่ 1 ใช้คีมตัดลวดและซีลซึ่งใช้ปิดฝาถังน้ำมันเพื่อเปิดฝาถังน้ำมันออก โดยจำเลยที่ 2 ถือถังน้ำมันเตรียมไว้รองรับน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะลักมาขายให้ก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม การที่จำเลยที่ 2 เตรียมถังน้ำมันไว้รองรับน้ำมันที่จำเลยที่ 1 จะลักจากรถยนต์บรรทุกน้ำมัน จำเลยที่ 2 ได้กระทำไปโดยมีเจตนาจะรับซื้อน้ำมันจากจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่าการที่จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์บรรทุกน้ำมันเข้ามาจอดในบริเวณบ้านของตนเป็นการกระทำโดยเจตนาช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4145/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: เจตนาซื้อฝ่ายเดียวยังไม่ผูกพันคู่สัญญา
ตามสัญญาข้อ 15 ระบุว่า ผู้จะซื้อสัญญาว่าจะซื้อที่ดินส่วนอื่นข้างเคียงทั้งหมดของผู้จะขายในราคาไร่ละ 1,200,000 บาท ภายในกำหนด 1 ปีนับจากวันโอน มีเงื่อนไขและวิธีการชำระเงินตามสัญญาฉบับนี้ หากผู้จะซื้อไม่ประสงค์จะซื้อที่ดินดังกล่าวข้างต้น ผู้จะซื้อหรือผู้รับโอนยินยอมให้ผู้จะขายจดทะเบียนเป็นภารยทรัพย์เป็นทางกว้างอย่างน้อย 8 เมตร ตรงตามขนาดและสภาพของถนนที่เป็นอยู่เดิม โดยต้องจดทะเบียนภาระจำยอม ณ หอทะเบียนกรมที่ดินภายในกำหนด1 เดือน นับแต่ผู้จะซื้อปฏิเสธการซื้อที่ดินดังกล่าว หรือ 1 ปี นับจากวันที่ 18 เมษายน2532 และมีข้อความในวงเล็บว่า สำหรับที่ดินข้างเคียงที่ยังไม่มีการซื้อขายนี้ ปรากฏตามผังหมึกสีเขียวท้ายสัญญานี้ ดังนี้ ตามสัญญาข้อดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวที่มีความประสงค์จะซื้อที่ดินข้างเคียงที่ดินจำนวน 8 โฉนดที่ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายไว้แล้วในข้อ 1 ถึงข้อ 14 โดยไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าจำเลยยอมตกลงจะขายที่ดินให้แก่โจทก์แต่อย่างใด คงมีแต่ข้อความว่าโจทก์ผู้จะซื้อสัญญาว่าจะซื้อที่ดินส่วนอื่นข้างเคียงทั้งหมดของผู้จะขายโดยมีเงื่อนไขว่าจะซื้อภายใน1 ปี นับจากวันโอนที่ดินจำนวน 8 โฉนด ที่จะซื้อจะขายกันโดยมีเงื่อนไขและวิธีการชำระเงินตามสัญญาจะซื้อจะขายหมาย จ.1 ข้อความในสัญญาข้อ 15 จึงเป็นเพียงคำมั่นของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวที่แสดงความประสงค์ขอซื้อที่ดินจากจำเลยเท่านั้นต่อเมื่อจำเลยได้บอกกล่าวความจำนงว่าจะทำการซื้อขายให้สำเร็จตลอดไป และคำบอกกล่าวนั้นได้ไปถึงโจทก์ผู้ให้คำมั่นแล้ว จึงจะมีผลเป็นสัญญาจะซื้อจะขายและบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงความจำนงจะทำการขายที่ดินให้โจทก์ สัญญาข้อ 15 ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.1 จึงยังไม่เกิดผลเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่โจทก์จะบังคับให้จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาหรือเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการค้า: การพิสูจน์เจตนาซื้อเพื่ออุตสาหกรรมมีผลต่ออายุความสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ประกอบการค้าพิมพ์หนังสือและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ กับ จำหน่ายเครื่องอุปกรณ์การพิมพ์ทุกชนิด ฟ้องเรียกราคาค่าอุปกรณ์การพิมพ์ที่จำหน่ายจากจำเลยโดยมิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบเลยว่า จำเลยซื้อสินค้าดังกล่าวไปเพื่อวัตถุประสงค์อย่างไรหรือเพื่อใช้ประกอบกิจการใด และตามทางนำสืบของจำเลยปรากฏว่าจำเลยประกอบกิจการค้าหลายอย่างหลายประการคำว่า "อุตสาหกรรม" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) ตอนท้าย นั้น หมายถึงการประดิษฐ์หรือผลิตทำสิ่งของขึ้นให้เป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายขายสินค้านั้น ๆ ไป ดังนั้นเมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์ในเรื่องนี้การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยซื้อสินค้านั้นไปเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยเองจึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าอุปกรณ์การพิมพ์ที่ขายแก่จำเลยตามฟ้องอยู่ในกิจการค้าของโจทก์และทำในฐานะเป็นพ่อค้าขายสินค้านั้นดังบัญญัติไว้ใน มาตรา 165 (1) จึงต้องฟังว่าโจทก์เป็นพ่อค้าเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของแก่จำเลยสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดสองปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโฉนดไขว้กัน โจทก์รู้ข้อเท็จจริงแต่ยังซื้อขาย ถือเป็นการได้สิทธิโดยไม่สุจริต
น. มีที่ดินสองแปลงคือ ที่พิพาทและที่ดินโฉนดที่ 2785 น. ได้ขายที่พิพาทให้กับบิดาของภริยาจำเลย แต่ด้วยความเข้าใจผิดได้นำโฉนดที่ 2785 มาจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ บิดาของภริยาจำเลยครอบครองที่พิพาทมากว่า 30 ปีแล้วถึงแก่กรรม ภริยาจำเลยรับมรดกที่พิพาทแต่จดทะเบียนในโฉนดที่ 2785 แล้วจำเลยกับภริยาครอบครองที่พิพาทตลอดมา ส่วนที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2785 น. ขายให้กับผู้มีชื่อโดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันในโฉนดสำหรับที่พิพาท แล้วโอนกันต่อมาจนตกเป็นของ จ. จ. จดทะเบียนโอนขายให้โจทก์ เมื่อได้ความว่าโจทก์มีเจตนาจะซื้อที่ดินแปลงที่ จ. ครอบครองเป็นเจ้าของอยู่เป็นสำคัญยิ่งกว่าที่ดินแปลงตามหน้าโฉนดที่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์อ้างเอาที่พิพาท การมีชื่อ จ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนในโฉนดสำหรับที่พิพาท ไม่ทำให้ จ. มีสิทธิ์ขายที่ดินตามหน้าโฉนดนี้เพราะที่ดินไม่ใช่ของ จ. เมื่อโจทก์รู้อยู่แล้วเช่นนี้ ยังรับซื้อและรับโอนทางทะเบียนมา ถือได้ว่าเป็นการได้สิทธิ์และได้จดทะเบียนสิทธิ์โดยไม่สุจริต ไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2303/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาซื้อของเพื่อหากำไร ไม่ถือว่าถูกหลอกลวง แม้ข้อมูลแหล่งที่มาของสินค้าไม่เป็นความจริง
จำเลยอ้างว่า จำเลยมีสิทธินำของจากสโมสรท่าเรือมาขายได้ในราคาถูก ถ้าผู้เสียหายจะซื้อ จำเลยคิดเอาแต่ค่าช่วยจัดการ ผู้เสียหายเห็นว่ามีกำไรดี จึงมอบเงินให้จำเลยไปซื้อ ต่อมาจำเลยบอกว่าเอาของมาให้ไม่ได้ และจะเอาของนั้นไปขายที่อื่นแล้วนำผลกำไรมาให้ ผู้เสียหายก็ไม่ว่ากระไร แล้วจำเลยก็นำผลกำไรมาให้ ปฏิบัติกันอย่างนี้หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายที่จำเลยยังไม่ทันได้คืนทุนและกำไรให้ผู้เสียหายก็น่าจะเป็นเพราะถูกจับเสียก่อน ตามพฤติการณ์ดังนี้แสดงว่า ผู้เสียหายมุ่งเอาผลกำไรที่จำเลยขายของที่ซื้อมานั้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่า จำเลยจะได้ซื้อของนั้นมาจากที่ใด ดังนั้น แม้จำเลยจะบอกแก่ผู้เสียหายว่ามีสิทธิออกของจากสโมสรท่าเรือแต่ผู้เดียวซึ่งไม่เป็นความจริง และสโมสรท่าเรือไม่มีชื่อร้อยเอกสุพรที่รับผิดชอบในการอกของตามที่จำเลยอ้างก็ตามก็หาใช่เป็นข้อสำคัญที่จะถือว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหาย อันจะเป็นผิดฐานฉ้อโกงไม่หากแต่เป็นเรื่องที่จำเลยไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามที่รับรองไว้ต่อผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยใช้ชื่อผู้อื่น การแสดงเจตนาซื้อ และข้อจำกัดสิทธิคนต่างด้าว
คนต่างด้าวฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า ตนเป็นผู้ออกเงินซื้อที่ดินเพื่อให้เป็นกรรมสิทธิของบุตรผู้ผู้มีสัญชาติเป็นไทย แต่ลงชื่อผู้อื่นในโฉนดเพื่อความสดวก จึงขอให้เพิกถอนชื่อออกจากโฉนดแล้วลงชื่อบุตรแทนนั้น ศาลก็พิพากษาแสดงว่าคนต่างด้าวผู้ฟ้องเป็นผู้ออกเงินซื้อที่ดินได้ ส่วนคำขอตอนหลังนั้น เมื่อไม่ได้ความว่าบุตรมีสัญชาติอะไรแน่นอน และผู้ซื้อที่ดินบางคนก็ยังไม่มีบุตรในเวลาที่ซื้อที่ดิน ดังนี้ จะพิพากษาให้ตามคำขอตอนนี้ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194-195/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยเจตนาซื้อที่ดิน ไม่ใช่โฉนด สิทธิเรียกร้องให้แก้ไขโฉนดให้ตรงกับความเป็นจริง
สองคนซื้อที่ดินคนละแปลง และได้รับที่มาครอบครองตามที่ตั้งใจซื้อแล้วแต่รับโอนโฉนดไขว้กันไปดังนี้ คนหนึ่งฟ้องอีกคนหนึ่งขอให้โอนโฉนดตามที่ดินที่ตนรับซื้อได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับสินค้าโดยไม่โต้แย้งและการผ่อนชำระถือเป็นเจตนาที่จะซื้อ การเก็บสินค้าไว้นานถือเป็นการยอมรับเงื่อนไข
ลงนามในใบรับของโดยไม่อิดเอื้อนเวลา 1 ปีเศษเกินสมควร