คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนาทำร้าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5093/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าโดยมีเจตนาทำร้าย, การกระทำโดยบันดาลโทสะไม่สำเร็จ, การรอการลงโทษจำคุกสำหรับผู้กระทำผิดร่วม
ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปตามถนนทางสาธารณะกับเพื่อนและได้พบกับจำเลยทั้งสามโดยบังเอิญ จำเลยทั้งสามขับรถจักรยานยนต์ไล่ติดตามรถโจทก์ร่วมไปเป็นระยะทางไกลและนานพอสมควร อ้างว่าเพื่อสอบถามโจทก์ร่วมว่าด่าว่าอะไรจำเลยที่ 1 เมื่อถึงที่เกิดเหตุรถไล่ตามกันทัน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบฟันถูกโจทก์ร่วมเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส พฤติการณ์ส่อแสดงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันไล่ติดตามไปเพื่อทำร้ายโจทก์ร่วมมิใช่เพื่อสอบถาม ส่วนเหตุการณ์ที่โจทก์ร่วมกับพวกร่วมกันทำร้ายจำเลยที่ 1 ก็เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุคดีนี้เป็นเวลานานถึง 1 ปีมาแล้ว จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าใช้มีดดาบฟันโจทก์ร่วมเพราะเหตุบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72 ไม่ได้ เพราะมิใช่การกระทำความผิดต่อโจทก์ร่วมผู้ข่มเหงตนในขณะนั้น
แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสามจะได้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน แต่จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายอยู่ตรงกลาง และมีจำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายสุดในขณะที่ไล่ติดตามรถโจทก์ร่วม โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้เป็นผู้ใช้อาวุธมีดดาบฟันโจทก์ร่วมด้วยตนเองแต่อย่างใด ประกอบกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 อายุยังน้อย และไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เพื่อเห็นแก่อนาคตของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เมื่อศาลรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยที่ 1 จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ด้วย และแม้คดีของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จะยุติไปโดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้อุทธรณ์และฎีกาก็ตาม ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: ศาลฎีกาตัดสินจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ไม่ใช่ฆ่าโดยเจตนา
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้ตายเนื่องจากโกรธที่ผู้ตายปัสสาวะรดที่นอนจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตายคงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้นเมื่อการทำร้ายของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย มาตรา 290
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้ตายเนื่องจากโกรธที่ผู้ตายปัสสาวะรดที่นอน จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตายคงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น เมื่อการทำร้ายของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายต่อเนื่องในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย และการไม่มีสิทธิของบุคคลที่สามในการเข้าร่วมเป็นโจทก์
พวกโจทก์ร่วมและพวกจำเลยต่างสมัครใจเข้าทำร้ายซึ่งกันและกันในทันทีทันใด โดยมิได้นัดหมายว่าผู้ใดจะกระทำการใด ทั้งไม่ปรากฏว่าพวกจำเลยเตรียมอาวุธมาแต่แรกเพื่อจะก่อเหตุ การที่จำเลยที่ 2ใช้มีดแทงฆ่าผู้ตายและจำเลยที่ 4 ใช้มีดแทงพยายามฆ่าโจทก์ร่วมที่ 2จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตาย และจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานพยายามฆ่าโจทก์ร่วมที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 4 ทำร้ายพวกโจทก์ร่วมมาแต่ต้น จำเลยที่ 1 ที่ 3ย่อมมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก การกระทำของจำเลยทั้งสี่ที่ได้ทำร้ายพวกโจทก์ร่วมนั้นก็โดยมีเจตนาที่จะทำร้ายบุคคลดังกล่าวทุกคนไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นใคร ลักษณะของเจตนากระทำความผิดจึงเป็นอันเดียว เกิดขึ้นในวาระเดียวกันและต่อเนื่องกันตลอดแม้กระทำหลายครั้งต่อหลายบุคคลก็อยู่ภายในเจตนาเดียวกันนั้นมิใช่หลายเจตนาการกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จำเลยทั้งสี่ ผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ 3 สมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ตายจึงมิใช่ผู้เสียหาย โจทก์ร่วมที่ 1ซึ่งเป็นภริยาผู้ตาย และโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ 3 จึงมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์จึงต้องยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของโจทก์ร่วมทั้งสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2823/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาทำร้ายร่วมกันแม้แบ่งแยกหน้าที่ชัดเจน
ขณะเกิดการทำร้ายผู้ตายกับพวกในครั้งแรกที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดฟัน พ. จำเลยที่ 2 ก็ถือมีดและอยู่ด้วยในเหตุการณ์ต่อเนื่องกันขณะพวกจำเลยถีบรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายล้มลง แล้วจำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงผู้ตาย ผู้ตายลุกขึ้นวิ่งหนีโดยมีจำเลยที่ 2วิ่งไล่ตาม จำเลยที่ 1 ก็ถือมีดดาบวิ่งตามไปด้วย พฤติการณ์เช่นนี้เท่ากับจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาร่วมกันที่จะทำร้ายผู้ตายกับพวกโดยไม่ได้แบ่งแยกว่าจำเลยทั้งสองกับพวกแต่ละคนจะแบ่งแยกกันทำร้ายผู้ตายกับพวกผู้ตายคนใดเป็นการเฉพาะเจาะจง แต่เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองมีเจตนายอมรับผลที่เกิดจากการกระทำของแต่ละคนเมื่อจำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ฆ่าผู้ตายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่วมกัน และความรับผิดในความตายจากอาวุธของพวก, การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
จำเลยกับพวกปรึกษากันก่อนที่จะเข้าไปทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายเมื่อพวกของจำเลยใช้สุราสาดหน้าผู้ตาย จำเลยก็เข้าทำร้ายผู้ตายทันที เมื่อผู้ตายวิ่งหนี พวกของจำเลยก็ไล่ติดตามไปรุมทำร้ายต่อเนื่องกันไป ขณะเดียวกันพวกของจำเลยก็แบ่งแยกกันทำร้ายผู้เสียหายพร้อมกันไปด้วย มีลักษณะเป็นการนัดแนะกันไว้ก่อนหลังจากทำร้ายแล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไปด้วยกันถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหาย เหตุวิวาทเกิดขึ้นโดยบังเอิญ จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่าพวกของจำเลยคนใดพกอาวุธติดตัวมาด้วย ทั้งไม่ปรากฏว่าพวกของจำเลยคนใดได้ถือมีดอยู่ในมือแสดงอาการว่าจะเข้าไปแทงผู้ตาย ประกอบทั้งมูลเหตุที่วิวาทก็เพียงแต่เพราะถูกผู้ตายขว้างแก้วใส่ ไม่ใช่สาเหตุร้ายแรงถึงขนาดที่จำเลยกับพวกจะต้องฆ่าผู้ตาย ทั้งจำเลยเพียงชกหน้าผู้ตาย 1 ที มิได้ติดตามไปรุมทำร้ายผู้ตายด้วยอาวุธซ้ำอีก พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย และผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เพราะถูกพวกของจำเลยใช้มีดแทงและทำร้ายจำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และฐานร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3991/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส: การพิจารณาจากบาดแผลและเหตุการณ์
จำเลยใช้มีดพร้าเฉพาะตัวมีดยาว 15.5 นิ้ว กว้าง 1.8 นิ้วเป็นอาวุธฟันผู้เสียหายเพียงครั้งเดียว มิได้ฟันซ้ำ ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสกระทำเช่นนั้นได้ ขณะจำเลยยกมีดขึ้นฟันผู้เสียหาย ผู้เสียหายยกมือซ้ายขึ้นปิดป้อง คมมีดจึงถูกผู้เสียหายที่ข้อมือซ้าย ใบหูซ้ายบริเวณท้ายทอยและกะโหลกศีรษะบริเวณท้ายทอยด้านซ้าย แม้จำเลยจะฟันถูกที่ศีรษะและบริเวณท้ายทอยซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ แต่ในขณะที่จำเลยฟัน ผู้เสียหายนั่งอยู่ใต้ซอกโต๊ะ และเป็นการฟันในทันทีหลังจากผู้เสียหายถูกผู้อื่นเตะล้มลง จำเลยจึงฟันส่งไป บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจึงเป็นการบังเอิญ และแม้มีดที่ฟันจะมีความยาวและความกว้างของใบมีดพอที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้แต่ความลึกของบาดแผลที่ท้ายทอยลึกเพียง 3 เซนติเมตร ที่ใบหูและข้อมือซ้ายลึกเพียง 0.5 เซนติเมตรเท่านั้น แสดงว่าจำเลยฟันผู้เสียหายไม่แรง จำเลยจึงมิได้ฟันผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าหากแต่มีเพียงเจตนาทำร้ายเท่านั้น เมื่อปรากฏว่ากระดูกบริเวณท้ายทอยแตกร้าวจะหายภายใน 6 สัปดาห์ อันเป็นการเจ็บป่วยจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษตามมาตรา 288,80 ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงทำร้ายร่างกาย แม้ยิงลงพื้น ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้ยิงเล็งเห็นผลได้
จำเลยใช้ปืนยิงไปที่พื้นดินหนึ่งนัดในขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินไปหาจำเลยและอยู่ห่างจำเลยประมาณสองวาจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายได้เมื่อกระสุนปืนถูกขาผู้เสียหายบาดเจ็บต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายหาใช่เป็นการยิงขู่ไม่การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการป้องกันโดยชอบเพราะขณะนั้นผู้เสียหายยังไม่สามารถจะทำร้ายจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายเจ้าพนักงานด้วยการขับรถชน ศาลมีอำนาจริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยขับรถยนต์ของกลางชนท้ายรถจิ๊ปที่ร้อยตำรวจตรี ส. ขับขี่โดยมีเจตนาทำร้ายเพราะโกรธเคืองที่จับจำเลยมาสถานีตำรวจและไม่ยอมปล่อยจำเลยตามคำขอร้องของจำเลย จนร้อยตำรวจตรี ส.ได้รับบาดเจ็บ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 รถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำผิด ศาลมีอำนาจริบเสียได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขึงลวดไฟฟ้าอันตรายจนผู้อื่นเสียชีวิต ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมีเจตนาทำร้าย
จำเลยตกกล้าในหลังบ้านและได้ขึงลวด 2 เส้นรอบที่ตกกล้าสูงจากพื้นดินประมาณ 3 นิ้ว แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าขนาด 220 โวลท์จากบ้านเข้าไปในเส้นลวดดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้หนูไปกินข้าวกล้าโดยรู้อยู่ว่าสายลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้นั้น หากสัตว์ไปถูกเข้าจะถึงแก่ความตายได้ ทั้งจำเลยยังปักป้ายห้ามเข้าในเขตที่ตกกล้าด้วยแสดงว่าจำเลยย่อมรู้ว่าสายลวดที่มีกระแสไฟฟ้าดังกล่าวเป็นอันตรายต่อคนที่เข้าไปในเขตที่ตกกล้า เช่นเดียวกันการที่จำเลยขึงลวดกระแสไฟฟ้าเช่นนี้ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่า อาจมีคน หากบหาปลาตามทุ่งนาเดินมาถูกลวดที่มีกระแสไฟฟ้าดังกล่าวและได้รับอันตรายแก่ร่างกาย จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้อื่นแล้ว เมื่อผู้ตายผ่านไปถูกสายลวดที่มีกระแสไฟฟ้าถึงแก่ความตายอันเป็นผลจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
of 3