คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจ้าพนักงานที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 75 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7543/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิเรียกร้องการจดทะเบียนที่ดินต้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาท ไม่ใช่คำร้องขอ
แม้คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนจะวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำร้อง ก็เป็นเพียงการรับรองสิทธิในที่ดินแก่ผู้ร้อง ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้แก้ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดมาเป็นชื่อผู้ร้อง ตามที่ ป. ที่ดิน มาตรา 57 บัญญัติไว้ การที่เจ้าพนักงานที่ดินปฏิเสธการใช้สิทธิของผู้ร้องโดยอ้างเหตุว่าผู้ร้องไม่ยินยอมชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตาม ป. ที่ดิน มาตรา 103 เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ผู้ร้องพึงต้องนำคดีมาสู่ศาลในลักษณะของคดีมีข้อพิพาท การที่ผู้ร้องนำคดีเข้าสู่ศาลโดยทำเป็นคำร้องขอเพราะถือเป็นการใช้สิทธิทางศาล ไม่มีกฎหมายรองรับให้กระทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4155/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำท้าในคดีแพ่ง: คำเบิกความเจ้าพนักงานที่ดินไม่ถือเป็นผลสำเร็จตามคำท้า หากไม่สามารถระบุผลการรังวัดที่ชัดเจน
คู่ความตกลงท้ากันโดยถือเอาผลของการรังวัดที่ดินแปลงพิพาทของเจ้าพนักงานที่ดินว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขตหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งทางราชการได้ออกให้แก่จำเลยหรือไม่ เป็นข้อแพ้ชนะในคดี เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินออกไปรังวัดทำแผนที่ที่ดินพิพาท แล้วมาเบิกความว่า ที่ดินแปลงพิพาทไม่สามารถรังวัดหรือตรวจสอบได้ว่าอยู่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งทางราชการได้ออกให้แก่จำเลยหรือไม่ และไม่ทราบว่าที่ดินแปลงพิพาทมีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วหรือไม่ โดยไม่ปรากฏเหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่สามารถรังวัดหรือตรวจสอบได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าได้มีการตรวจสอบแนวเขตที่ดินในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลย เช่นนี้กรณีจึงไม่อาจถือว่าคำเบิกความของเจ้าพนักงานที่ดินทำให้เกิดผลสำเร็จตามคำท้าที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษาตามคำท้าได้
เมื่อคำท้าไม่บรรลุผลสำเร็จตามคำท้า กรณีย่อมถือเสมือนหนึ่งว่าไม่มีคำท้าอยู่เลย ซึ่งศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยต่อไป แม้เจ้าพนักงานที่ดินเบิกความเสร็จ และทนายโจทก์แถลงหมดพยานโดยจำเลยมิได้แถลงอะไร ซึ่งมีผลเท่ากับว่าคู่ความไม่ติดใจสืบพยานหลักฐานต่อไป ศาลก็จำต้องวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามรูปคดีก็ตาม แต่ศาลฎีกาเห็นว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาที่คู่ความได้ดำเนินการไปดังกล่าวอาจเกิดจากการสำคัญผิดในผลแห่งคำท้าโดยเข้าใจว่าคำเบิกความของเจ้าพนักงานที่ดินทำให้เกิดผลสำเร็จตามคำท้าก็ได้ ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาจึงให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาฎีกาให้คู่ความฟัง เพื่อให้คู่ความได้ทราบและเข้าใจถึงผลแห่งคำท้าเสียก่อนว่าคำท้ายังไม่บรรลุผลสำเร็จ แล้วให้คู่ความแถลงถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6387/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการจดจำนองที่ดินอันเกิดจากเอกสารปลอมและการดำเนินการตามคำพิพากษาของเจ้าพนักงานที่ดิน
ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 61 วรรคแปดได้บัญญัติไว้ความว่า ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือการแก้ไขการจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างใดแล้ว ให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด โจทก์จึงสามารถนำสำเนาคำพิพากษาของศาลไปให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีดำเนินการตามคำพิพากษาได้ และ ป.ที่ดิน มาตรา 62 ยังได้บัญญัติไว้อีกว่า บรรดาคดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวด้วยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ได้ออกโฉนดที่ดินแล้ว เมื่อศาลพิจารณาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้ศาลแจ้งผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุด หรือคำสั่งนั้นต่อเจ้าพนักงานที่ดินแห่งท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลจะต้องบังคับให้จำเลยที่ 3 ไปจดทะเบียนแก้ไขรายการสารบาญจดทะเบียนท้ายโฉนดที่ดินพิพาทให้ปลดจากการจำนอง หรือให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 3 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานที่ดินแนะนำการจัดการมรดก ไม่ถือเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ
แม้ว่าจำเลยจะเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน มีหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน แต่การที่จำเลยแนะนำผู้เสียหายว่าต้องดำเนินการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกก่อนและรับติดต่อทนายความเพื่อดำเนินการร้องขอจัดการมรดกนั้นหาใช่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ หรือเป็นการปฏิบัติการหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อ. มาตรา 148 และมาตรา 157 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกคดีไม่อาจถูกบังคับตามคำพิพากษา แม้ที่ดินอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินมีหน้าที่ตามกฎหมาย
ป.วิ.พ.มาตรา 145 วรรคหนึ่ง บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกมิให้ถูกบังคับในเรื่องที่ตนมิได้เป็นคู่ความและไม่มีโอกาสเข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานดังกล่าวซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีได้
แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินที่โจทก์มีอำนาจดำเนินการได้ตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 ซึ่งทางราชการไม่อาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ใดได้ เจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ก็ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกคดีและการบังคับตามคำพิพากษา: เจ้าพนักงานที่ดินไม่ต้องถูกบังคับหากไม่ได้เป็นจำเลย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกมิให้ถูกบังคับในเรื่องที่ตนมิได้เป็นคู่ความและไม่มีโอกาสเข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานดังกล่าวซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีได้
แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินที่โจทก์มีอำนาจดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งทางราชการไม่อาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ใดได้ เจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ก็ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีแก่เจ้าพนักงานที่ดินที่ไม่ได้เป็นจำเลยในคดี กรณีเขตปฏิรูปที่ดิน
ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโจทก์มีอำนาจดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งทางราชการไม่อาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ใดได้ แต่เจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติเท่านั้น เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานที่ดินให้ระงับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินกรณีมีข้อโต้แย้ง และสิทธิฟ้องร้องของคู่กรณี
การรังวัดออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ประชาชน หากมีผู้โต้แย้งคัดค้าน เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจทำการสอบสวนเปรียบเทียบถ้าตกลงกันได้ก็ดำเนินการไปตามที่ตกลง หากตกลงกันไม่ได้ เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจพิจารณาสั่งการไปตามที่เห็นสมควรตาม ป. ที่ดิน มาตรา 60 วรรคแรก ซึ่งคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินหาเป็นยุติไม่ คู่กรณีฝ่ายที่ไม่พอใจคำสั่งมีสิทธิที่จะฟ้องคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งต่อศาลได้ภายใน 60 วัน นับแต่ได้ทราบคำสั่งดังกล่าว การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินมีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินแก่ จ. อันเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งการตามที่ตนได้ทำการสอบสวนเปรียบเทียบไปโดยสุจริตตามอำนาจหน้าที่ชอบด้วย มาตรา 60 แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8793/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน: การพิสูจน์สิทธิก่อนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ดิน
บทบัญญัติมาตรา 60 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินฯ เป็นเพียงการกำหนดวิธีการให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการสอบสวนเปรียบเทียบและสั่งการในกรณีที่มีการโต้แย้งสิทธิกันในการขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เท่านั้น แม้จะมีข้อกำหนดไว้ว่าเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินสั่งการอย่างไรแล้ว ให้ฝ่ายที่ไม่พอใจไปดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งก็ตาม แต่ข้อกำหนดดังกล่าวคงเป็นเพียงการกำหนดขั้นตอนเพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินปฏิบัติภายหลังจากที่ได้สั่งการไปแล้ว คือหากมีการฟ้องคดีต่อศาลก็ให้เจ้าพนักงานที่ดินรอเรื่องไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดประการใดก็ให้ดำเนินการไปตามนั้น ถ้าไม่ฟ้องภายในกำหนดก็ให้ดำเนินการไปตามที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสั่งหาใช่เป็นเงื่อนไขในการฟ้องคดีต่อศาลไม่ ทั้งบทบัญญัติดังกล่าวก็มิได้ห้ามมิให้ฟ้องคดีหากมิได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ดังที่บัญญัติห้ามไว้ในกฎหมายอื่นดังนั้น เมื่อโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8015/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องขอห้ามเจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต้องฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย
คำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลยนั้น เป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้กระทำการหรือไม่กระทำการ เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย จึงขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคสอง คำขอของโจทก์จึงไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้
of 8