คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจ้าหนี้ลูกหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3777/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาต่างตอบแทน การปฏิบัติตามสัญญาต้องเกิดขึ้นพร้อมกัน หากฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตาม อีกฝ่ายก็ไม่ต้องปฏิบัติตาม
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ภายในวันที่30 เมษายน 2534 และโจทก์จะต้องจ่ายเงิน 40,000 บาท ภายในกำหนดวันดังกล่าว โจทก์จำเลยจึงต่างมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกัน มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนอันมีกำหนดเวลาที่แน่นอนปรากฏว่าในวันที่ 28 เมษายน 2538 จำเลยพร้อมที่จะรื้อถอนออกจากที่ดินของโจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดวันนัด หากได้เงินโจทก์นำมามอบให้เป็นค่าใช้จ่าย แต่ในวันนัดโจทก์ไม่ได้แสดงเจตนาที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้ให้แก่จำเลยแต่อย่างไร แสดงว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามสัญญา กรณีเช่นนี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ได้ดังนี้โจทก์จึงยังบังคับคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3777/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต่างตอบแทน: การปฏิบัติตามสัญญาต้องพร้อมกันทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตาม อีกฝ่ายก็ไม่ต้องปฏิบัติตามเช่นกัน
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่าจำเลยยอมรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ภายในวันที่30เมษายน2534และโจทก์จะต้องจ่ายเงิน40,000บาทภายในกำหนดวันดังกล่าวโจทก์จำเลยจึงต่างมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกันมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนอันมีกำหนดเวลาที่แน่นอนปรากฏว่าในวันที่28เมษายน2538จำเลยพร้อมที่จะรื้อถอนออกจากที่ดินของโจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดวันนัดหากได้เงินโจทก์นำมามอบให้เป็นค่าใช้จ่ายแต่ในวันนัดโจทก์ไม่ได้แสดงเจตนาที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้ให้แก่จำเลยแต่อย่างไรแสดงว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามสัญญากรณีเช่นนี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ได้ดังนี้โจทก์จึงยังบังคับคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์เจ้าหนี้ลูกหนี้เกิดทันทีที่ละเมิด, ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
สภาพการเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ระหว่างผู้ถูกละเมิดคือโจทก์และผู้ต้องรับผิดจากมูลละเมิดคือจำเลย เกิดขึ้นทันทีที่มีการละเมิดขึ้น คำพิพากษาของศาลที่บังคับให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กันมิได้เป็นการก่อให้เกิดหนี้ระหว่างโจทก์จำเลย แต่เป็นการบังคับตามความรับผิดแห่งหนี้ที่โจทก์กับจำเลยได้มีต่อกันจึงถือว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์นับแต่ขณะที่ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อชนท้าย รถยนต์สามล้อที่สามีโจทก์ขับขี่ เป็นเหตุให้สามีโจทก์ถึงแก่ความตายและความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350 ก็มิได้ถือเอาคำพิพากษาของศาลให้รับผิดทางแพ่งมาเป็นองค์ประกอบความผิดในทางอาญา โดยเพียงแต่รู้ว่าเจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลแล้วกระทำการตามที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าวก็ถือว่าเป็นความผิดแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ แม้ยังไม่มีคำพิพากษา ศาลฎีกาชี้เป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ตั้งแต่เกิดละเมิด
สภาพการเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ระหว่างผู้ถูกละเมิดและผู้ต้องรับผิดจากมูลละเมิด เกิดขึ้นทันทีที่มีการทำละเมิดขึ้นคำพิพากษาของศาลในคดีแพ่งที่บังคับให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กันมิได้เป็นการก่อให้เกิดหนี้ แต่เป็นการบังคับตามความรับผิดแห่งหนี้ที่ได้มีต่อกัน ถือได้ว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์นับแต่ขณะที่ลูกจ้างกระทำละเมิดในทางการที่จ้างทำให้โจทก์เสียหายแล้วและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ก็มิได้ถือเอาคำพิพากษาของศาลให้รับผิดในทางแพ่งมาเป็นองค์ประกอบความผิดในทางอาญา เพียงแต่จำเลยรู้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลแล้วได้ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดแกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ ก็เป็นความผิดแล้ว