คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เชื่อโดยสุจริต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยรับของโจร - การพิสูจน์ความเชื่อโดยสุจริต - พยานหลักฐานสนับสนุน - ยกฟ้อง
จำเลยใช้รถยนต์ของกลางขับไปมาตามปกติ และโดยเปิดเผย ไม่ได้ซุกซ่อนหรือนำหลบหนีไปไหน ที่อยู่ของผู้เสียหายและจำเลยก็ไม่ห่างไกลกันมากนัก สามารถเดินทางไปมาถึงกันได้โดยสะดวก หากจำเลยรู้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นรถที่ ส. ลักมา จำเลยไม่น่าจะกล้ารับไว้ใช้ในลักษณะเช่นนี้ โดยที่ไม่เกรงกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดคงจะต้องเปลี่ยนแปลงซ่อมแซมสภาพรถให้ผิดไปจากเดิมทั้งหมด หาใช่ตัดเอาเฉพาะหมายเลขประจำคัสซี ของรถจำเลยมาเชื่อมต่อไว้และเป็นจุดที่ยากจะสังเกตได้เท่านั้นไม่ อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดของโจทก์ให้ฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหมายเลขดังกล่าว สำหรับจำเลยมี อ.ว.และช. เบิกความเป็นพยานต้องกันกับจำเลยว่าก่อนเกิดเหตุ ส. ยืมรถของจำเลยไปพลิกคว่ำเสียหาย จำเลยให้ ส.ซ่อมโดยเปลี่ยนสีรถใหม่เมื่อส. นำรถมาคืนสภาพรถโดยทั่วไปก็เหมือนกับเก่า ผิดกันเฉพาะสีเท่านั้น และ อ.พยานโจทก์ที่ขายรถให้จำเลยก็เบิกความยืนยันเช่นเดียวกัน จึงฟังได้ว่าจำเลยรับรถของกลางไว้โดยเชื่อว่าเป็นรถของจำเลยเอง หาได้รู้ว่าเป็นรถของโจทก์ร่วมที่ถูกคนร้ายลักมาไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ส่งมอบตามกฎหมาย, คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่โต้แย้ง, และการกระทำที่ไม่เป็นละเมิดเนื่องจากเชื่อโดยสุจริต
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ถ้าศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว การที่จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะและเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส.3 ด้วย จำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ส่งสำเนา, คำสั่งรับพยานเพิ่มเติม, และการเชื่อโดยสุจริตในข้อเท็จจริง
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ ถ้า ศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ รับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: ความเชื่อโดยสุจริตว่ามีคนบุกรุกเพื่อลักทรัพย์
จำเลยเคยถูกปล้นบ้านมาก่อน และเมื่อ 20 วันก่อนเกิดเหตุก็มีคนร้ายเข้าบ้านจำเลย คืนเกิดเหตุสามีจำเลยไม่อยู่ จำเลยปิดประตูบ้านซึ่งเป็นร้านค้าเข้านอนอยู่กับเด็ก ๆ เวลาประมาณ 22 นาฬิกาได้ยินเสียงดังกุกกักที่ระเบียงเรือน จึงหยิบปืนเปิดประตูแง้มออกดูเห็นเงาคนตะคุ่ม ๆ อยู่บนระเบียงเรือนคนหนึ่ง และข้างล่างระเบียงเรือนอีกคนหนึ่ง จำเลยถามว่า 'ใคร' ได้ยินเสียงตอบว่า 'อย่าดัง' จำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จึงยิงปืนไปยังคนที่อยู่ระเบียง 2 นัด คนทั้งสองหนีไปจำเลยยิงขู่อีก 1 นัด แล้วตะโกนว่า 'ช่วยด้วย โจรขึ้นบ้าน' มีชาวบ้านมาและพบผู้ตายนอนตายเพราะถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงอยู่ที่ข้างคูน้ำบริเวณบ้านจำเลย ดังนี้ เป็นกรณีซึ่งมีเหตุทำให้จำเลยเชื่อได้ว่าผู้ตายมีเจตนาจะเข้ามาลักทรัพย์จำเลย เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยสำคัญผิดคิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายจึงใช้ปืนยิง เป็นการป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาปิดกั้นทางน้ำสาธารณะ หากเชื่อโดยสุจริตว่าไม่ใช่สาธารณูปโภค ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228
จำเลยปิดกั้นเหมืองสาธารณะเพราะเชื่อมั่นโดยสุจริตว่าเป็นเหมืองของจำเลยนั้น จำเลยย่อมไม่รู้ว่าเหมืองนั้นเป็นสาธารณูปโภคซึ่งเป็นองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228(ประชุมใหญ่ ครั้งที่26/2504)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าเป็นเหมืองของจำเลยก็ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง หากจำเลยมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเหมืองอย่างไร ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อำนาจโดยพละการทำให้เสียทรัพย์ แม้เชื่อว่ามีสิทธิแต่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายก็ต้องรับผิด
บอกให้ผู้นำของมาวางไว้ในที่ซึ่งตนเข้าใจว่ามีอำนาจหวงห้ามได้ ให้นำออกไปผู้นั้นไม่นำออกไป จึงได้ขนของ ๆเขาโยนออกไปอย่างไม่ปราณี เป็นเหตุให้ทรัพย์ของเขาแตกหักเสียหายนั้นเป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ วิธีพิจารณาความอาชญา หลักวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตสำคัญในการบุกรุก หากเชื่อโดยสุจริตว่าที่ดินของตนเอง ไม่ถือว่าผิด
บุกรุกต้องมีเจตนาทุจจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์โดยไม่ชอบ แม้จะเชื่อโดยสุจริตในตอนแรก แต่เมื่อทราบคำพิพากษาแล้วยังคงครอบครองถือเป็นความผิด
แม้จำเลยทั้งสองเข้าไปไถดินทำนาในทางสาธารณประโยชน์ในตอนแรกด้วยเชื่อโดยสุจริตว่ามีสิทธิที่จะเข้าไปทำได้ก็ตาม แต่เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบแล้วว่า ศาลปกครองนครราชสีมาได้มีคำพิพากษาว่าที่ดินพิพาทดังกล่าวเป็นทางสาธารณประโยชน์และให้ออกจากที่ดินพิพาทดังกล่าว จำเลยทั้งสองก็ไม่ได้โต้แย้ง กลับเข้าไปครอบครองและไถดินทำนาบนที่ดินพิพาทสาธารณประโยชน์ภายหลังอีก จึงเป็นความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3399/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยในการขยายระยะเวลาอุทธรณ์: ศาลอนุญาตได้หากเชื่อโดยสุจริตและมีเหตุผลอันสมควร
โจทก์ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปเพียง 1 เดือน นับแต่วันที่ครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ตามกฎหมาย ซึ่งระยะเวลาที่ขอขยายดังกล่าวประกอบกับเป็นการขอขยายเป็นครั้งแรกย่อมอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะคาดหมายว่าศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลาได้ตามขอ โจทก์จึงเชื่อโดยสุจริตว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาตามขอ แต่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาน้อยกว่าที่ขอ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าการที่โจทก์ไม่สามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ในครั้งที่ 2 ได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ขยายในครั้งแรกเป็นเหตุสุดวิสัย ที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์ขยายระยะเวลาครั้งที่ 2 เพราะเห็นว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจึงชอบแล้ว