คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เชื้อชาติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทด้วยการใส่ความให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงผ่านข้อความในหนังสือพิมพ์ โดยอ้างถึงเชื้อชาติและพฤติกรรม
จำเลยลงพิมพ์โฆษณาข้อความในหนังสือพิมพ์ตอนแรกความว่า2... มีหวังคุก... นายสมศักดิ์เตชะรัตนประเสริฐ (นามสกุลยาวเป็นวาตามประสา'เจ๊ก'ใช้'แซ่' แต่เปลี่ยน นามสกุลเป็นไทย) ฟ้องนายสนิท เอกชัย'กัปตัน''เดลิไทม์' ต่อศาลสงขลา หาว่าใช้นามปากกา 'เรือขุด' ส่วนข้อความตอนหลังมีว่า แฉเบื้องหลังสร้างตัวจาก'เจ๊กกุ๊ย' ขึ้นมาเป็น 'เศรษฐีใหญ่' ร่ำรวยมหาศาลมีอิทธิพลเหนือโปลิศ เพราะมันชอบเนรคุณแต่ทำตัวคลุกคลีกับนายธนาคารใหญ่ๆหาตัว 'อ่อนๆ' ป้อนให้ไม่ซ้ำหน้าระหว่างข้อความตอนแรกกับข้อความตอนหลัง มีเครื่องหมายขีดสั้นๆ 3 ขีด แล้วตามด้วยเครื่องหมายสี่เหลี่ยมจตุรัสคั่นไว้ ซึ่งเมื่ออ่านข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนจีนที่เลวทรามต่ำช้าเนรคุณจึงเป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังได้อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท หาใช่ดูหมิ่นซึ่งหน้าไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีเชื้อชาติจากประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูต ไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมืองหากไม่มีพฤติการณ์ต้องห้าม
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 15(7) บัญญัติถึงลักษณะคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรว่า 'มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นคนอันธพาลหรือเป็นคนที่น่าจะก่อเหตุร้าย หรืออันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชนหรือราชอาณาจักร' แต่โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงในคำฟ้องให้เห็นว่า ผู้โดยสารที่จำเลยนำมากับเครื่องบินเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะเช่นนั้น โจทก์กล่าวหาในฟ้องแต่ประการเดียวว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร เพราะมีเชื้อชาติรูเมเนียในเครือของประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่มีสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับประเทศไทย ข้อกล่าวหาของโจทก์จึงมิได้แสดงว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 15(7)แต่อย่างใด
หนังสือของกองตรวจคนเข้าเมืองถึงบริษัทการบินทุกบริษัทมีความว่า ขอมิให้รับบุคคลสัญชาติของประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยหรือคนของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์ และไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเดินทางต่อไปประเทศอื่น เป็นเพียงการขอความร่วมมือ ดังนั้น การที่บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับนี้ หรือการที่จำเลยรับบุคคลดังกล่าวนี้มากับเครื่องบินของจำเลยมาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยไม่ต้องด้วยหนังสือขอความร่วมมือ จึงหาเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีเชื้อชาติจากประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูต ไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมืองหากไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่น
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 15(7) บัญญัติถึงลักษณะคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรว่า "มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นคนอันธพาลหรือเป็นคนที่น่าจะก่อเหตุร้าย หรืออันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชนหรือราชอาณาจักร" แต่โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงในคำฟ้องให้เห็นว่า ผู้โดยสารที่จำเลยนำมากับเครื่องบินเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะเช่นนั้น โจทก์กล่าวหาในฟ้องแต่ประการเดียวว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร เพราะมีเชื้อชาติรูเมเนียในเครือของประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่มีสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับประเทศไทย ข้อกล่าวหาของโจทก์จึงมิได้แสดงว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 15(7) แต่อย่างใด
หนังสือของกองตรวจคนเข้าเมืองถึงบริษัทการบินทุกบริษัทมีความว่า ขอมิให้รับบุคคลสัญชาติของประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยหรือคนของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์ และไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเดินทางต่อไปประเทศอื่น เป็นเพียงการขอความร่วมมือ ดังนั้น การที่บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับนี้ หรือการที่จำเลยรับบุคคลดังกล่าวนี้มากับเครื่องบินของจำเลยมาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยไม่ต้องด้วยหนังสือขอความร่วมมือ จึงหาเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติและการเป็นคนต่างด้าว: การพิจารณาจากเชื้อชาติ, ประกาศกระทรวง, และการอพยพเข้าประเทศไทย
ประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 5 กันยายน 2483 และ 20 ธันวาคม 2483 ( ออกตามความในมาตรา 30 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2480 และมาตรา 5 พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2481 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2483
ประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 5 กันยายน 2483 และ 20 ธันวาคม 2483 นั้น หาได้รับรองให้คนต่างด้าวผู้อพยพเข้ามาตามประกาศได้มีสัญชาติเป็นไทยไม่ เมื่อคนต่างด้าวผู้อพยพเข้ามานั้นถูกส่งตัวออกไปนอกราชอาณาจักรแล้วกลับหลบเข้ามาอีกก็ย่อมมีความผิดตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2493 ม.21,58,

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะสัญชาติของผู้อพยพ: การบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองกับผู้มีเชื้อชาติอื่น แม้มีประกาศผ่อนผัน
ประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 5 กันยายน 2483 และ 20 ธันวาคม2483 นั้น หาได้รับรองให้คนต่างด้าวผู้อพยพเข้ามาตามประกาศได้มีสัญชาติเป็นไทยไม่ เมื่อคนต่างด้าวผู้อพยพเข้ามานั้นถูกส่งตัวออกไปนอกราชอาณาจักรแล้วกลับหลบเข้ามาอีกก็ย่อมมีความผิดตาม พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 21,58