คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็คเพื่อประกัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็ค – ไม่มีมูลหนี้ – เช็คเพื่อประกันเท่านั้น – ไม่ผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต
พ. เป็นพนักงานของคุรุสภาผู้เสียหาย มีหน้าที่เก็บเงินค่าเดินทางไปทัศนศึกษา ของสมาชิกคุรุสภา ปรากฏว่าเงินขาดบัญชีไป เพื่อให้ปรากฏหลักฐานทางบัญชีเต็มยอดเงิน พ. ได้ยืมเช็คพิพาทจากจำเลยเพื่อนำมาเข้าบัญชีแทนเงินที่ขาดหายไป โดยจะไม่นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินเพียงนำมาเป็นประกันเท่านั้น ซึ่ง ด.ผู้บังคับบัญชาของ พ. ก็ทราบแล้ว ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยกับ พ.ไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทต่อกัน จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทเพื่อเจตนาชำระหนี้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือโดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็ค ตามฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็ค - ไม่มีมูลหนี้ - เช็คเพื่อประกัน - ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
พ. เป็นพนักงานของคุรุสภาผู้เสียหาย มีหน้าที่เก็บเงินค่าเดินทางไปทัศนศึกษา ของสมาชิกคุรุสภา ปรากฏว่าเงินขาดบัญชีไป เพื่อให้ปรากฏหลักฐานทางบัญชีเต็มยอดเงิน พ. ได้ยืมเช็คพิพาทจากจำเลยเพื่อนำมาเข้าบัญชีแทนเงินที่ขาดหายไป โดยจะไม่นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินเพียงนำมาเป็นประกันเท่านั้น ซึ่ง ด.ผู้บังคับบัญชาของ พ. ก็ทราบแล้วดังนี้เห็นได้ว่าจำเลยกับ พ.ไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทต่อกัน จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทเพื่อเจตนาชำระหนี้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือโดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็ค ตามฟ้องโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8884/2563

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คเพื่อชำระหนี้หรือเป็นประกัน หากมิได้มีเจตนาชำระหนี้ ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงแล้วว่าจำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้กู้ยืมเงินที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย แม้ตามสำเนาหนังสือสัญญากู้เงินท้ายฟ้องจะระบุว่า "เพื่อเป็นหลักฐานในเงินซึ่งข้าพเจ้ากู้ไปนี้ ข้าพเจ้าได้นำเช็คธนาคาร ก. ให้ท่านถือไว้เป็นประกัน" อันทำให้เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ขัดกับคำฟ้องก็ตาม แต่การค้นหาเจตนาที่แท้จริงจำต้องพิจารณาข้อเท็จจริงอื่น ๆ ประกอบเข้าด้วยหาใช่ต้องถือตามข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษรโดยฝ่ายเดียวและเป็นเรื่องที่คู่ความสามารถนำสืบข้อเท็จจริงได้ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์บรรยายฟ้องขัดกันอันจะทำให้จำเลยทั้งสองไม่อาจเข้าใจข้อหาที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ ฟ้องโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว
แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพทำให้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คพิพาทให้โจทก์ แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ได้นั้น จำเลยทั้งสองต้องมีเจตนาออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามหนังสือสัญญากู้เงินว่า "เพื่อเป็นหลักฐานในเงินซึ่งข้าพเจ้ากู้ไปนี้ ข้าพเจ้าได้นำเช็คธนาคาร ก. ให้ท่านถือไว้เป็นประกัน" เมื่อโจทก์ไม่นำสืบถึงพฤติการณ์หรือข้อตกลงที่ทำให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้แตกต่างจากข้อความที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญากู้เงินอย่างไร ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนามุ่งหมายให้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ยืมเท่านั้น ส่วนข้อความในแบบพิมพ์ที่พิมพ์ออกจำหน่ายและใช้กันอยู่ทั่วไป โจทก์สามารถอ่านเข้าใจได้โดยง่าย หากไม่ตรงตามเจตนาที่โจทก์และจำเลยทั้งสองประสงค์ โจทก์สามารถตกเติมแก้ไขได้ แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์กระทำการดังกล่าว ดังนี้ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4