พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน และผลกระทบต่อการฟ้องขับไล่
ขณะฟ้องจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ในระหว่างศาลฎีกาทำการพิจารณาคดีนี้ปรากฏว่า พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินพ.ศ. 2504 มาตรา 21 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2511 มาตรา 3กำหนดให้พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504เฉพาะมาตรา 11 และ 17 ใช้บังคับได้เพียง 8 ปี นับแต่พระราชบัญญัติ ควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2504 มาตรา 11 และ17 ดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับหรือเลิกใช้ บังคับแล้ว จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าวต่อไป ดังนี้ ศาลฎีกาจะยกเอาความสิ้นสุดของพระราชบัญญัติ ควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ ดังกล่าว ในระหว่างพิจารณามา เป็นเหตุพิพากษาขับไล่จำเลยไม่ได้ เพราะเหตุที่ศาลจะยกขึ้นพิพากษา ขับไล่จำเลยได้ จะต้องเป็นเหตุที่มีอยู่ตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ในขณะฟ้อง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2513)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1678/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องชำระหนี้ การเปลี่ยนแปลงเจตนาการใช้ห้อง และผลกระทบต่อการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.เช่าเคหะ
ห้องเช่ารายพิพาทอยู่ในทำเลการค้า. จำเลยเช่าห้องดังกล่าวจากเจ้าของเดิม ทำการค้าขายกาแฟ. ต่อมาโจทก์ซื้อห้องนั้นจากเจ้าของเดิม จำเลยผู้เช่าห้องนั้นจึงได้เช่าจากโจทก์ต่อมา และคงทำการค้าขายกาแฟดังเดิมอีก 1 ปี แล้วจำเลยหยุดไม่ขายกาแฟคงได้แต่อยู่อาศัย. การที่จำเลยหยุดทำการค้าคงอยู่อาศัยต่อมานั้น เป็นการเปลี่ยนเจตนาของฝ่ายจำเลยผู้เช่าแต่เพียงฝ่ายเดียว. โจทก์ไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย. การที่จำเลยเช่าห้องอยู่ต่อมานั้นจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504.
จำเลยเช่าห้องพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือ.เมื่อการเช่านั้นไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ. กรณีก็ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538 กล่าวคือ จะฟ้องร้องให้ศาลรับบังคับคดีเกี่ยวกับการเช่าให้ไม่ได้.
จำเลยเช่าห้องพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือ.เมื่อการเช่านั้นไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ. กรณีก็ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538 กล่าวคือ จะฟ้องร้องให้ศาลรับบังคับคดีเกี่ยวกับการเช่าให้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะควบคุม จำเลยต้องยกประเด็นต่อสู้ชัดเจนในคำให้การจึงจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินเป็นกฎหมายพิเศษให้สิทธิแก่ผู้เช่าต่างหากจากกฎหมายที่ว่าด้วยลักษณะเช่าตามธรรมดา เมื่อจำเลยไม่ยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้ไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การว่า ห้องที่จำเลยเช่าเป็นเคหะควบคุมและอ้างสิทธิที่จำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินั้น จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว แม้จะฟังว่าจำเลยไม่เคยค้างค่าเช่าก็ตาม(อ้างฎีกาที่ 1135/2505 และที่ 1470/2508)
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขอให้ศาลบังคับให้ผู้เช่าออกไปเมื่อใดก็ได้ ไม่จำเป็นที่ผู้ให้เช่าจะต้องทำการบอกกล่าวก่อนฟ้อง (อ้างฎีกาที่ 133/2507)
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขอให้ศาลบังคับให้ผู้เช่าออกไปเมื่อใดก็ได้ ไม่จำเป็นที่ผู้ให้เช่าจะต้องทำการบอกกล่าวก่อนฟ้อง (อ้างฎีกาที่ 133/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะเพื่อประกอบการค้า ไม่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่าเคหะฯ แม้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย
จำเลยเป็นแพทย์แผนโบราณ มีอาชีพรับรักษาโรค จำเลยเช่าตึกแถวพิพาทได้ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิมหลายครั้ง เสียเงินกินเปล่าทุกครั้ง จำเลยตั้งเครื่องบดยาไฟฟ้าในตึกพิพาท รับจ้างบดยาสมุนไพรและทำยาผงไทยให้เป็นเม็ด ได้จดทะเบียนพาณิชย์ฟังได้ว่าจำเลยประกอบการค้าเป็นล่ำเป็นสัน ไม่ใช่ประกอบกิจการเล็กน้อย และได้ใช้ตึกพิพาทเปิดเป็นร้านตัดผมด้วย ตึกพิพาทอยู่ในทำเลการค้า ฟังได้ว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อประกอบการค้า แม้จำเลยจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้เช่าเคหะสิ้นสุดลง และสิทธิของผู้ให้เช่าในการฟ้องขับไล่ผู้เช่า
การที่ผู้เช่าทำสัญญาเช่าเคหะไว้โดยมีกำหนดระยะเวลาหนึ่งเมื่อครบกำหนดแล้วผู้ให้เช่ากับผู้เช่าได้มีการต่ออายุสัญญาออกไปอีกโดยตกลงกันว่า เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ต่อออกไปนี้แล้ว ผู้เช่ายินยอมจะออกไปจากที่เช่านั้น ถือได้ว่าได้รับความยินยอมจากผู้เช่าตามความหมายของมาตรา 17(5) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แล้ว ผู้ให้เช่าจึงฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ สัญญาเช่าเดิมใช้ไม่ได้ ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ไม่ได้
การเช่าโรงเก็บรถนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพยานและสภาพของสถานที่ว่าเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยก็ถือว่าเป็นการเช่า "เคหะ" ตามความหมายของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
แม้สัญญาจะมีถ้อยคำว่า "เช่าโรงรถ"ก็ตาม คู่ความก็ยังนำสืบได้ว่าเมื่อเช่ามาแล้วมิได้ใช้เก็บรถ หากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตลอดมาไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
การให้เช่า "เคหะ" ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่านั้น ผู้ให้เช่าจะถือเอาเหตุที่สัญญาสิ้นอายุมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าไม่ได้ และผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวเลิกสัญญาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ในเรื่องเช่า "เคหะ" ข้อสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ นั้นความยินยอมเช่นว่านี้ใช้บังคับไม่ได้ (เทียบฎีกาที่ 1963 - 1965/2494 ฏีกาที่ 769/2494)
แม้สัญญาจะมีถ้อยคำว่า "เช่าโรงรถ"ก็ตาม คู่ความก็ยังนำสืบได้ว่าเมื่อเช่ามาแล้วมิได้ใช้เก็บรถ หากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตลอดมาไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
การให้เช่า "เคหะ" ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่านั้น ผู้ให้เช่าจะถือเอาเหตุที่สัญญาสิ้นอายุมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าไม่ได้ และผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวเลิกสัญญาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ในเรื่องเช่า "เคหะ" ข้อสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ นั้นความยินยอมเช่นว่านี้ใช้บังคับไม่ได้ (เทียบฎีกาที่ 1963 - 1965/2494 ฏีกาที่ 769/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะ: สัญญาเช่าโรงรถใช้เป็นที่อยู่อาศัย ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ไม่ได้
การเช่าโรงเก็บรถนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพยานและสภาพของสถานที่ว่าเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยก็ถือว่าเป็นการเช่า 'เคหะ' ตามความหมายของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
แม้สัญญาจะมีถ้อยคำว่า 'เช่าโรงรถ' ก็ตามคู่ความก็ยังนำสืบได้ว่าเมื่อเช่ามาแล้วมิได้ใช้เก็บรถหากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตลอดมาไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
การให้เช่า 'เคหะ' ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่านั้นผู้ให้เช่าจะถือเอาเหตุที่สัญญาสิ้นอายุมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าไม่ได้และผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวเลิกสัญญาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ในเรื่องเช่า 'เคหะ' ข้อสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายินยอมออกจากที่เช่าตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันนั้น ความยินยอมเช่นว่านี้ใช้บังคับไม่ได้(เทียบฎีกาที่ 1963-1965/2494, ฎีกาที่ 769/2494)
แม้สัญญาจะมีถ้อยคำว่า 'เช่าโรงรถ' ก็ตามคู่ความก็ยังนำสืบได้ว่าเมื่อเช่ามาแล้วมิได้ใช้เก็บรถหากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตลอดมาไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
การให้เช่า 'เคหะ' ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่านั้นผู้ให้เช่าจะถือเอาเหตุที่สัญญาสิ้นอายุมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าไม่ได้และผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวเลิกสัญญาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ในเรื่องเช่า 'เคหะ' ข้อสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายินยอมออกจากที่เช่าตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันนั้น ความยินยอมเช่นว่านี้ใช้บังคับไม่ได้(เทียบฎีกาที่ 1963-1965/2494, ฎีกาที่ 769/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะเพื่ออยู่อาศัยและค้าขาย การพิจารณาเพื่อคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
แม้ในสัญญาเช่าลงว่าเช่าตึกพิพาทเพื่อค้าขายยา ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะนำสืบถึงพฤติการณ์ตามความจริงว่าเช่าเพื่อทำการค้าหรือเพื่ออยู่อาศัย อันจะนำไปสู่ประเด็นข้อวินิจฉันว่าเป็น "เคหะ" หรือไม่
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกัน เช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วย คือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน 4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาท เป็น 40 บาท ฉบับหนึ่ง คือ สำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่ง เหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสดวกแก่การคิดเงิน ระหว่างหุ้นส่วนตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น "เคหะ" อันได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกัน เช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วย คือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน 4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาท เป็น 40 บาท ฉบับหนึ่ง คือ สำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่ง เหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสดวกแก่การคิดเงิน ระหว่างหุ้นส่วนตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น "เคหะ" อันได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองสัญญาเช่าเคหะ แม้มีการประกอบกิจการค้าเล็กน้อย พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ยังใช้บังคับ
ในคดีฎีกาได้เฉพาะแต่ปัญหาข้อ ก.ม.ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาจากพยานหลักฐานในห้องสำนวน
เมื่อปรากฏว่าจำเลยเช่าห้องโดยเจตนาเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่แรก ซึ่งต่อมาได้ประกอบกิจการค้าบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการชั่วคราวและต่อมาก็ได้เลิกกิจการค้าไปแล้ว ดังนี้ห้องเช่ารายพิพาทก็ยังคงถือว่าเป็น "เคหะ" อันพึงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ เจ้าของห้องหามีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ไม่.
เมื่อปรากฏว่าจำเลยเช่าห้องโดยเจตนาเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่แรก ซึ่งต่อมาได้ประกอบกิจการค้าบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการชั่วคราวและต่อมาก็ได้เลิกกิจการค้าไปแล้ว ดังนี้ห้องเช่ารายพิพาทก็ยังคงถือว่าเป็น "เคหะ" อันพึงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ เจ้าของห้องหามีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะอยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แม้ไม่มีสัญญาเช่า การไม่มีใบเสร็จไม่กระทบการเช่า
การเช่าเคหะอยู่อาศัยนั้นจะมีหนังสือสัญญาเช่าหรือไม่มี ก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯเหมือนกัน
ใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งซึ่งแสดงว่าได้ชำระหนี้แล้ว มิได้หมายความว่าถ้าไม่มีใบเสร็จรับเงินค่าเช่าแล้ว จะเถียงว่ามีการเช่าไม่ได้
ใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งซึ่งแสดงว่าได้ชำระหนี้แล้ว มิได้หมายความว่าถ้าไม่มีใบเสร็จรับเงินค่าเช่าแล้ว จะเถียงว่ามีการเช่าไม่ได้